ทนายคำสิงห์ยื่นขอรับเงินเยี่ยวยาสาวติดคุกฟรี 21 เดือนจากยุติธรรมจังหวัด คดียาเสพติด 41 เม็ด (มีคลิป)
1 min readทนายคำสิงห์ยื่นขอรับเงินเยี่ยวยาสาวติดคุกฟรี 21 เดือนจากยุติธรรมจังหวัด คดียาเสพติด 41 เม็ด หลังศาลฏีกาคำพิพากษาตัดสินยกฟ้อง ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
จากกรณีที่ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี หลังศาลฎีกา มีคำพิพากษาตัดสิน น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ในคดียาเสพติด (ยาบ้า จำนวน41 เม็ด ) คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 น.ส.สุพรรณษา ซ้อนรถจักรยานยนต์กับแฟนหนุ่ม คือ นายศุภกิจ นิยมสวน ในตอนนั้นอายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.4 ต.สำโรง อ.เมืองจ.สุรินทร์ ที่คบกันได้ไม่กี่เดือน เพื่อไปทำธุระ แต่แฟนหนุ่มกลับพาไปส่งยาบ้า 41 เม็ดให้กับสายตำรวจที่ล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ซึ่งแฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงถูกศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือนและปฏิเสธว่า น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครอบครัวไม่มีเงินประกันตัว จนถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ฟรี กว่า 8 เดือน ระหว่างสู้คดี โดยมีนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ อาสาเข้าไปช่วยเหลือทางกฎหมายฟรี เนื่องจากครอบครัวน.ส.สุพรรณษาฯ มีฐานะยากจน จนศาลชั้นต้นตัดสินและได้รับอิสรภาพกลับคืนมา และต่อมาอัยการได้ยืนอุธรณ์ฟ้องต่อ โดยศาลอุทรณ์ตัดสินมีความผิด สั่งลงโทษจำคุก 5 ปี 12 เดือน และปรับเงิน 5.6 แสนบาท ถ้าไม่มีเงินให้กักขังแทนเงินค่าปรับ
และต่อมานายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา ได้ทำเรื่องขออนุญาตฎีกา และศาลสุรินทร์ได้รับคำร้องส่งให้ศาลฎีกาและศาลฎีการับไว้พิจารณาคดีนี้ โดยระหว่างที่ศาลฎีการับเรื่องน.ส.สุพรรณษาฯ ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ศาลอุธรณ์มีคำพิพากษา เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว ระหว่างที่สู้ในชั้นฎีกา ล่าสุดศาลฎีกามีดุลยพินิจตามพยานหลักฐานอ่านคำพิพากษาตัดสินยกฟ้อง ว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งน.ส.สุพรรณษาฯ ต้องติดคุกระหว่างต่อสู้ในชั้นฎีกา 13 เดือน รวม 2 ครั้งเป็นเวลา 21 เดือน
ซึ่งนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา ระบุว่าตนใช้เวลากว่า 4 เดือน ทำเรื่องยื่นฎีกาเข้าไป จนศาลจังหวัดสุรินทร์ได้รับเรื่องยื่นคำร้อง แล้วส่งให้ศาลฎีกาซึ่งศาลฎีกาก็รับเรื่องไว้พิจารณา ตั้งแต่ศาลอุธรณ์ มีคำพิพากษา ลูกความตนต้องอยู่ในเรือนจำถึง 13 เดือน ระหว่างต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา จนในที่สุดศาลฎีกาได้มีดุลพินิจพิพากษา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ให้ยกฟ้อง จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิด ถือว่าลูกความตนเป็นผู้บริสุทธิ์ สิ่งที่ตนอยากจะสะท้อนให้เห็นว่า ลูกความตนได้ถูกจองจำในเรือนจำรวม 2 ครั้ง เป็นเวลาถึง 21 เดือน อยากจะให้หน่วยงานของรัฐได้เข้ามาเยี่ยวยา โดยจ่ายไปตาม พรบ.เงินทดแทน โดยผ่านกองทุนของจังหวัดมาเยี่ยวยาในจุดนี้ ซึ่งตนก็จะพาลูกความไปยื่นหนังสือเพื่อขอรับเงินเยี่ยวต่อไป ในส่วนที่รัฐจะเยี่ยวยานั้นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของภาครัฐ ซึ่งในคดีนี้หากไม่มีการยื่นฎีกาลูกความตนต้องติดคุกถึง 8 ปีเลย แต่ที่น่ายินดีที่ศาลฎีกาท่านได้ยกฟ้อง และอยากให้ภาครัฐได้เข้ามาเยี่ยวยาในจุดนี้ด้วย
ล่าสุดวันที่ (1 มี.ค.64)ที่อาคารบูรณาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ถนนเลี่ยงเมืองสายใน ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา พร้อมด้วยนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร อายุ 53 ปี ผู้เป็นแม่ของ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอเงินเยี่ยวยาตาม พรบ.ช่วยเหลือ ผู้ต้องหาของกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายโยธิน บัวแก้ว ผอ.ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อรับเรื่องเพื่อให้การช่วยเหลือเยี่ยวยาโดยจะนำเรื่องคำร้องขอรับการเยี่ยวยาช่วยเหลือส่งให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำลูกความผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีดังกล่าวมาที่สำงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ยืนคำร้องขอรับเงินเยี่ยวยา ตาม พรบ.ช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลย ของกระทรวงยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางคณะอนุกรรการจะพิจารณาวินิจฉัยว่าจะช่วยเหลือได้หรือไม่ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ส่วนระเวลาดำเนินงาน ได้สอบถามเจ้าหน้าที่แล้ว ทราบว่าทำให้เร็วที่สุดแต่ไม่ทราบว่าจะใช้เวลากี่เดือนแต่จะดำเดินการให้เร็วที่สุด
ขณะที่น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยังแสดงอาการป่วยซึมเศร้า นิ่งเงียบ ตอบคำถามกับผู้ข่าวว่า มาถึงวันนี้ ตนเองดีใจ และมีกำลังใจขึ้น ตนเองติดคุกฟรีมานานถึง 21 เดือน วันนี้ญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง มาสอบถามสารทุกข์ ก็มีกำลังใจมากขึ้น
ส่วนนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร อายุ 53 ปี ผู้เป็นแม่ กล่าวสั้นๆว่ามาถึงวันนี้แล้วมีกำลังใจมากขึ้น แต่ก่อนนั้นตนลำบากมากต้องเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวเดือนละหลายครั้ง จนกระทั่งได้ออกจากคุก ขอบคุณทนายคำสิงห์ ชอบมี ขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจครอบครัวของตนทำให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป