สุรินทร์ สีสันแข่งขันตำข้าวโบราณ ในงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มผลผลิตและจัดพื้นที่ทางการเกษตร (มีคลิป)
1 min readสุรินทร์ สีสันแข่งขันตำข้าวโบราณ ในงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มผลผลิตและจัดพื้นที่ทางการเกษตร สนับสนุนส่งเสริมเกษตรกร มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มมากขึ้น และนำผลผลิตทางการเกษตรมาแสดงและจำหน่าย ในงานมีการประกวด วัว ควาย เป็ด ไก่ และผลผลิตทางการเกษตร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 มี.ค.นี้
วันที่ 24 มี.ค. 64 ที่บริเวณลานหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ได้มีการจัดงานโครงการจัดงานแสดงสินค้า เพื่อเพิ่มผลผลิตและการจัดการพื้นที่ทางการเกษตร ประจำปี 2564 ขึ้น ระหว่างวันที่ 23-24 มี.ค. วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลผลิตทางการเกษตรมาแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร มีการประกวด วัว ควาย เป็ด ไก่ และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ กิจกรรมในงานแต่ละวันประกอบด้วย การประกวดขบวนรถแห่พืชผลทางการเกษตรของชุมชน การเลี้ยงสัตว์ การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การจัดกิจกรรมแข่งขันทักษะด้านการเกษตร การประกวดครัวเรือนต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียง การแข่งขันตำข้าวลีลาแบบโบราณ การจัดนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรตำบลศรีสุข ทั้ง 12 หมู่บ้าน โรงเรียนในพื้นที่ ส่วนราชการและภาคเอกชน โดยมีชาวบ้าน นักเรียน ในตำบลศรีสุข มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
โดยไฮไลท์ของงานในวันนี้คือการแข่งขันตำข้าวแบบโบราณ สืบสานประเพณีดั้งเดิม มีทีมตำข้าวเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านประจันหมู่ 8 บ้านโคกอำนวยหมู่ 7 บ้านลูกควายหมู่ 9 บ้านศรีสุขหมู่ 1 และบ้านอ้อมแก้วหมู่ 3 โดยกติกาคือ 1 ทีม สามารถส่งผู้เข้ามาแข่งขันได้แค่ 3 คน จะหญิงหรือชายก็ได้ ข้าวเปลือกทีมละ 5 กิโลกรัม ใช้เวลาตำข้าวจำนวน 3 เพลง ฝัดข้าว 2 เพลง หลังจากได้เมล็ดข้าวที่ฝัดแล้ว นำไปชั่งกับคณะกรรมการที่ตัดสิน ก่อนนำไปหุงแบบโบราณในหม้อข้าวที่ตั้งไฟไว้ อีก 4 เพลง โดยกรรมการจะตัดสินตามน้ำหนัก เมล็ดข้าวที่ตำได้ไม่หักมาก หุงออกมาเมล็ดสวยงาม รวมถึงการแต่งกายในแต่ละทีมด้วย อุปกรณ์มี ครกไม้ขนาดใหญ่ สากไม้ยาว กระด้งฝัดข้าว เตาถ่าน และหม้อใช้หุงข้าว
หลังจากทุกทีมรับทราบกติกาแล้ว กรรมการก็ได้เป้านกหวีดเริ่มการแข่ง พร้อมเปิดเพลงสร้างความสนุกสนานและจับเวลาตามกติกา แต่ละทีมก็เริ่มออกลีลาการตำข้าวแบบโบราณ แบบไม่มีใครยอมใคร ขณะที่กองเชียร์ก็เต้นเชียร์กันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ขณะที่ทีมผู้แข่งขันตำข้าวได้แค่ 2 เพลงก็หมดแรง พี่เลี้ยงและกองเชียร์ต้องเข้ามาให้และพัดวีให้ เนื่องจากอายุแต่ละคนที่ลงมาแข่งขันตำข้าวนั้นเกิน 60 ปีไปแล้ว แต่ผู้แข่งขันก็สู่ต่อจนจบเพลงที่ 3 และดำเนินการแข่งขันต่อจนถึงขันตอนการฝัดข้าวและหุงข้าวในขั้นตอนสุดท้าย การแข่งขันตำข้าวโบราณ สามารถสร้างสีสันความสนุกสนานให้กับงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มผลผลิตและจัดพื้นที่ทางการเกษตร ของ อบต.ศรีสุขได้เป็นอย่างดี โดยผู้ชนะเลิศ และได้รับเงินรางวัลลำดับที่ 1 คือทีมบ้านลูกควายหมู่ 9 ได้รับเงินรางวัล 1,500 บาทพร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับที่ 2 บ้านศรีสุขหมู่ 1 ได้รับเงินรางวัล 1,200 บาทพร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศลำดับที่ 2 บ้านอ้อมแก้วหมู่ 3 ได้รับเงินรางวัล 800 บาทพร้อมเกียรติบัตร ส่วนรางวัลชมเชย 2 รางวัลได้แก่บ้านโคกอำนวยหมู่ 7 และบ้านประจันหมู่ 8 ได้รับเงินรางวัลหมู่บ้านละ 500 บาทพร้อมเกียรติบัตร
สำหรับตำบลศรีสุข ติด 1 ใน 5 ตำบล ของ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ มีทั้งหมด 12 หมู่บ้าน เนื้อที่ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร มีประชากรทั้งสิ้น 9,492 คน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ ประชาชนประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ มีลำห้วยทับทันไหลผ่านใจกลางตำบลศรีสุข ความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ด้านการเกษตรกับประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการทางด้านการเกษตร และการดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จึงได้จัดทำโครงการการแสดงสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตและการจัดการพื้นที่ทางการเกษตรขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรสร้างผลผลิตทางการเกษตรด้านพืชและด้านสัตว์ สนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรในตำบลศรีสุขมีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มมากขึ้น
นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นองค์กรที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด มีอำนาจหน้าที่ในการให้การส่งเสริมสนับสนุนพี่น้องประชาชนด้านการเกษตร ประกอบกับรัฐบาลก็มีนโยบายทางด้านการเกษตรหลายด้านด้วยกัน เป็นการส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนทำการเกษตรแบบยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกหน่วยงานในพื้นที่ ที่เป็นแกนหลักในการสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถขับเคลื่อน การดำเนินงานให้มีกระบวนการทำงาน ส่งเสริมการเกษตรแก่เกษตรกรในพื้นที่ให้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ และเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนและของชาติสืบต่อไป