สื่อจี้ถามผกก.สภ.บางใหญ่ ปมเด้งไปภ.จว.
1 min readข่าวชัดประเด็นจริงช่อง 13 สยามไทย ลงพื้นที่ สภ.บางใหญ่ กรณีที่มีชายแต่งกายเลียนแบบ ตร.ปฏิบัติตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจนผู้กำกับโดนเด้ง
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 เวลา13.00น. ที่สภ.บางใหญ่ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามกรณี ผกก.สภ.บางใหญ่ ถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ภูธรจังหวัด ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
และทราบว่าเมื่อวันที่28พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ก็ได้มีคำสั่งให้ผกก.ย้ายกลับมาปฎิบัติหน้าที่ที่สภ.บางใหญ่เหมือนเดิม
ซึ่งสาเหตุในการโยกย้ายในครั้งนี้เกิดจากมีนางสาวพัชรินทร์ เหมอังกูรได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่ามีเจ้าหน้าที่ สภ. บางใหญ่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และถูกกลั่นแกล้ง ให้ได้รับโทษคดีทางอาญา ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการฟ้องศาลคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาคที่ 1 กับหน้าที่ตำรวจหลายนายทำให้สื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าในวันลงพื้นที่ตรวจสอบนั้นพบชายแต่งกายคล้ายตำรวจปฏิบัติหน้าที่ เป็นพนักงานสอบสวนใน สภ.บางใหญ่ โดยทราบชื่อภายหลังว่านายพินิจ ศรสงคราม ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นให้ผู้บังคับการจังหวัด ตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้กำกับ พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาหลายนายเป็นเหตุให้ผู้กำกับและพันตำรวจโทยศวิน รวมไปถึงพันตำรวจโทสงครามถูกย้ายไปช่วยราชการที่จังหวัดแรมเดือน แต่จู่ๆก็มีคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ ใน สภ.บางใหญ่เช่นเดิมในวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น
จากเรื่องราวดังกล่าวนี้ ทำให้มีประชาชนข้องใจและสงสัยเป็นอย่างมาก ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามกับ
พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องราวของบริษัทกูร์เมนท์ วันฟู๊ดเซอร์วิส(ประเทศไทย)จำกัด ที่มีการฟ้องร้องกัน เป็นข่าวดัง โดยมีอดีตกรรมการประธานบริษัทแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่ามีพนักงานบางคนในบริษัทยักยอกทรัพย์นั้น ซึ่งส่งผลให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ที่เป็นเจ้าของคดี ทำการอายัดบัญชีธนาคารหลายธนาคารทำให้ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ส่งผลให้รับได้รับความเสียหายจนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นางโบตั๋น เหมอังกูร เป็นผู้ที่มีอำนาจในบริษัทได้มอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายบริษัทไปถอนคำร้องทุกข์คดีดังกล่าวแล้ว เพราะจากการตรวจสอบ ของฝ่ายบัญชีบริษัทไม่พบความเสียหายที่เกิดขึ้น ตามที่อดีตกรรมการบริษัทได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาแรมเดือน บัญชีดังกล่าวที่มีการอายัดไว้ยังไม่ได้ถูกถอนอายัด และยังทราบมาว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียังดำเนินการคดีอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีคำสั่งจากอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ในเมื่อมีการถอนคดีแล้วทำไมเจ้าหน้าที่ยังไม่ยุติเรื่อง
ทางด้าน พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ก็ได้กล่าวชี้แจงไปว่า กรณีของบริษัทกูร์เมนท์ วันฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน โดยอัยการมีการสั่งสอบประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารธนาคารและยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการผสานงานกับทางธนาคารเพื่อที่จะยกเลิกการอายัดบัญชีธนาคาร ถึงทางด้านผู้กำกับแจ้งว่าหากมีการดำเนินการตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีความผิดไดๆก็จะถอนแจ้งความคดีให้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพียงทำหน้าที่ตามปกติ
ส่วนประเด็น เรื่องที่มีประชาชนให้ความสนใจมากคือกรณี เรื่องที่นายตำรวจเกษียณอายุราชการไปแล้วแต่กลับมานั่งทำงานและอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีความให้กับประชาชน
พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ก็ได้กล่าวอ้างว่า ไม่เคยให้อดีตนายตำรวจพินิจมาช่วยปฎิบัติหน้าที่ใน สภ.บางใหญ่ แต่เขาเคยเป็นอดีตพนักงานสอบสวนมาก่อนเขาอาจจะเดินเข้าออกเป็นปกติแต่ตอนนี้ผมเองไม่ได้มอบอำนาจหน้าที่ให้เขามาปฏิบัติตนเป็นเจ้าหน้าที่
ทางสื่อมวลชนได้ต้้งข้อสงสัยว่าท่านอยู่เป็นผู้กำกับสภ.อบางใหญ่เองท่านไม่รู้ได้ไงว่านายพินิจ ปฏิบัติตนเป็นหน้าที่ซึ่งอาจจะเข้าข่าย ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่าและมีการแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 145 กับนายพินิจ และผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านที่ดูแลเรื่องนี้ หรือไม่อย่างไรซึ่งทางผู้กำกับก็ได้ชี้แจงว่าต้องขอตรวจสอบก่อนว่านายพินิจ ได้ทำให้เกิดความเสียหายกับใครหรือไม่ถ้าเกิดความเสียหายกับใครก็จะขอตรวจสอบดูก่อนซึ่งผู้กำกับพยายามจะพูดหลีกเลี่ยงและก็เบี่ยงประเด็นตลอดเวลาที่สื่อมวลชนสอบถาม โดยมีแต่อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีและรับปากกับสื่อมวลชนว่าจะเคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน สภ.บางใหญ่ให้จบภายในสัปดาห์หน้าพร้อมทั้งอยากจะเชิญสื่อมวลชนมาเป็นสักขีพยานและมาร่วมรับฟังคำชี้แจง โดยจะมีการเชิญคู่กรณีมาร่วมเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ทางสื่อมวลชนเองไม่ได้มองในส่วนของตรงนี้ เพียงอยากให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาดำเนินการไปตามหน้าที่ส่วน ใครจะผิดจะถูกก็ทำให้ถูกตามกฎหมายหน้าที่ไม่อยากให้ตำรวจเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ผู้กำกับขอร้องกับสื่อมวลชนว่าผมขอเวลาทำงานผมกลับมาครั้งนี้ผมเพื่อจะมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังนั้นผมขอเวลาอีก 1 สัปดาห์และสัปดาห์หน้าจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งเรื่องนี้สื่อมวลชนก็ฝากผู้กำกับว่าให้ท่านทำงานอย่างตรงไปตรงมาให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัยในกรณีที่เจ้าหน้าที่สภ.บางใหญ่เองออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน และล่าสุดได้มีการร้องเรียนสื่อมวลชนมาว่ามีคดีที่แปลกๆคล้ายๆกับคดีบริษัทกรูเม่วันคือมีการออกหมายเรียกในช่วงเวลา 17:00 นของวันที่ 26 พฤศจิกายนและให้ผู้ต้องหามาพบเวลา 9:00 นของวันที่ 27 พฤศจิกายนซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นข้อสงสัยเป็นอย่างมากของสื่อมวลชนเพราะการออกหมายเรียกนั้นต้องมีระยะเวลาให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีการเตรียมตัวเตรียมทนายแต่เหตุใด สภ.บางใหญ่ถึงออกหมายเรียกกระชั้นชิดขนาดนี้ซึ่งเรื่องนี้ ส่อให้เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็เป็นได้ แต่ทางด้านผู้กำกับเองก็พยายามบอกว่าเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ต้องขอไปดูข้อกฎหมายอีกทีนึงว่ามันสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร ส่วนสื่อมวลชนก็ได้ถามย้ำไปว่าแล้วระเบียบการออกหมายเรียกนั้นป.วิอาญาว่าไว้อย่างไรทางผู้กำกับก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามของสื่อมวลชนได้ตอบแต่เพียงว่า จึงจะขอไปดูก่อนขอไปดูก่อน และรับทราบปัญหาดีว่าสื่อมวลชนต้องการอะไรอยากให้แก้ไขปัญหาอย่างไร และขอยุติการสัมภาษณ์เพราะว่าสื่อมวลชน ถามคำถามจี้จนเกินไป แล้วก็นัดให้สื่อมวลชนมารับทราบรายละเอียดในการแก้ไขปัญหาในสัปดาห์หน้า
Loading...