“หนุ่ย หน้าลาย” ลูกชาย “สมคิด พุ่มพวง” เปิดใจ “ผมรักพ่อ” จะรอรับศพนำไปฌาปนกิจตามหน้าที่ลูก
1 min readจากกรณีศาลจังหวัดขอนแก่น ตัดสินประหารชีวิต “คิด เดอะริปเปอร์” หรือ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ หลังก่อเหตุฆ่ารัดคอนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ชี้ไม่สำนึกต่อการกระทำความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง และทรมาน ขาดความเมตตา คงประหารสถานเดียว วันที่ 2 เม.ย.64 นั้น
วันที่ 5 เมษายน 2564 เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวไปพบนายจาตุรงค์ พุ่มพวง อายุ 32 ปี หรือหนุ่ย หน้าลาย ลูกชายคนเดียวของสมคิด พุ่มพวง อายุ 57 ปี ซึ่งมาเช่าบ้านอยู่ที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี กับ น.ส.กมลชนก แพทย์มด หรือหยก อายุ 20 ปี ภรรยา โดยทำอาชีพขายปลาหมึกย่างและแมลงทอด เลี้ยงชีพตัวเอง โดยจะขายตามหน้าร้านอาหาร รายได้วันละ 600-900 บาท เพื่อเลี้ยงชีพ โดยมีนายเพชรสยาม เจนหัตถ์นามเสนา หรือครูหน่อง อายุ 57 ปี พ่อบุญธรรม คอยช่วยเหลือดูแล ให้กำลังใจและให้คำปรึกษา
โดยนายจาตุรงค์ เปิดเผยว่า ทราบข่าวจากสื่อโชเชียล ศาลพิพากษาประหารชีวิตพ่อ ถือว่าพ่อทำผิดไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับศาลยุติธรรม ตนช่วยอะไรไม่ได้ แต่ไปถามพ่อหน่องว่าเราจะไปรับศพพ่ออย่างไร ตนกลัวว่าถ้าไม่รับศพไปทำพิธีทางศาสนา หรือรับศพไปสุสาน เพราะกลัวว่าเจ้ากรรมนายเวรจะตาม ทำอะไรไม่ขึ้น ที่สำคัญเขาเป็นพ่อ สิ่งที่พ่อไปกระทำกับคนอื่น ตนเข้าใจญาติผู้เสียชีวิต ก็รู้สึกเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต เพราะจะตอบแทนบุญคุณพ่อด้วยการ ไม่เสียใจเท่าใหร่ เพราะตนไม่ได้อยู่กับพ่อ ไม่ได้โตมากับพ่อ แต่เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ต้องช่วยเท่าที่ช่วยได้
”ตั้งแต่พ่อถูกจับติดคุก เคยเข้าไปเยี่ยมพ่อ 3-4 ครั้ง ครั้งล่าสุดตอนที่พ่ออยู่ที่บางขวาง ไปขอที่อยู่ปู่ จะไปอยู่กับปู่ ซึ่งพ่อก็เขียนให้ แต่พอไปบ้านปู่ก็พบว่าบ้านถูกขายไปแล้ว ตนก็เลยกลับมาที่ขอนแก่น และมาเช่าบ้านอยู่กับภรรยาที่ จ.อุดรธานี ซึ่งพ่อเคยบอกว่ามีที่ดิน 3 แห่ง ที่นครศรีธรรมราช ตรัง และอุดรธานี แต่ขายไปหมดทั้ง 3 ที่ นำไปจ้างทนายสู้คดีครั้งก่อน อุธรณ์จากโทษประหารชีวิตให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต ตนจะขายปลาหมึกเลี้ยงชีพตัวเอง จะไม่เกเรอีกแล้ว
นายจาตุรงค์ ฝากถึงนายสมคิดว่า “ผมรักพ่อนะครับ ก่อนพ่อจะถูกประหารชีวิต พ่ออยากจะให้ทำอะไรก็จะทำให้ตามที่พ่อสั่ง หากศาลลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต พ่อแก่อายุ 90 ปีออกมาจากเรือนจำ พ่อคงไปทำอะไรใครไม่ได้ เรื่องผู้หญิงก็คงจะหยุด ผมก็จะดูแลพ่อเอง”
นายเพชรสยาม เจนหัตถ์นามเสนา หรือครูหน่อง อายุ 57 ปี อดีตเจ้าของบ้านเด็กแสงตะวันสำหรับเด็กเร่ร่อน เปิดเผยว่า หนุ่ย หน้าลาย กลับมาอยู่ที่อุดรธานี ได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์แล้ว เขาขอกลับมาจากขอนแก่น ที่เขากลับมาคงรู้ใกล้วันตัดสินพ่อเขา และอีกอย่างคงกลัวว่าอยู่ที่โน่นแล้วไม่ปลอดภัย แล้วคงอยากกลับมาอยู่กับตน เราจึงไปหาเช่าห้องให้เขาอยู่ ซึ่งมาครั้งนี้เขาร่าเริงยิ้มหัวเราะผิดปกติ อาจจะเป็นพฤติกรรมกลบเกลื่อนความเศร้าที่อยู่ในใจหรือไม่ ทั้งนี้วานนี้เขามาถามตนว่า เขาจะประหารพ่อผมแล้วนะ เขาถามว่าจะต้องทำยังไง พาผมไปรับศพได้ไหม อยากจะทำงานศพให้ ตนจึงบอกไปว่ารอให้เขาติดต่อกลับมาก่อน เพราะเพิ่งจะเป็นศาลชั้นต้น จากนั้นเขาก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก
ผมก็เห็นเขาเศร้าบ้าง แต่เขาก็จะทำอารมณ์ดีกลบเกลื่อน ร่าเริง สนุก หัวเราะ ตลอดเวลา แต่พอมาวันนี้ตนถามเขาว่า เป็นเรื่องดีเรื่องความรักความผูกพันที่มีกับพ่อส่วนหนึ่ง ที่ดีอีกอย่างมันจะคลายกังวลที่สังคมมีต่อเขาลงไปด้วย พ่อเขาทำผิดแล้วไม่ได้รับการลงโทษ สังคมบางกลุ่ม หรือคนที่ได้รับผลกระทบ อาจจะเกิดความเคียดแค้น เกิดความรู้สึกไม่ชอบไม่สบายใจแล้วอาจจะมาลงที่เขาได้ เขาก็เปรยออกมาอยู่ แต่ถ้าพ่อได้รับโทษตามกฎหมาย หากจะประหารหรืออะไรก็ขอให้ได้รับโทษไปตามนั้น อย่างน้อยเขาก็จะได้ใช้ชีวิตตามปกติได้ ไม่ต้องมาระแวงว่าสังคมจะมากดดันตัวเขา”
ครูหน่อง บอกอีกว่า ตนให้กำลังใจเขา บอกว่าการทดแทนบุญคุณพ่อมีหลายวิธี ทำตัวดี ทำประโยชน์ให้สังคม มันก็ถึงพ่อหมด ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้พ่อ ต้องดูแลพ่อ หรือแม้แต่กับตนถึงเขาไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าเขาทำตัวดีก็เหมือนกับเขาได้ตอบแทนแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปบวช ไปปรนนิบัติ ไปดูแล หรือตอบแทนด้วยวิธีอื่น เพียงทำตัวให้ดี มันก็ส่งผล พ่อแม่จะอยู่หรือเสียชีวิตไป ถ้าทำความดีมันส่งผลหมด ตนจะย้ำกับเขาตรงนี้ ความดีมันจะส่งผลถึงกัน สามารถตอบแทนกันได้ และหากเขาอยากจะทำศพให้พ่อ จะทำที่ไหนคงต้องดูกระแสสังคมด้วย ถ้าสังคมต่อต้านไม่ยอมรับ ก็คงจะทำแบบเงียบ ๆ ในสถานที่ที่ไม่มีกระแสต่อต้าน เพราะเราก็ยังแคร์ว่า หนุ่ยต้องอยู่ตรงนี้ ถ้ามีกระแสต่อต้านขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อเขาโดยตรง ซึ่งเราก็ต้องดูตรงนี้ด้วย
น.ส.กมลชนก หรือน้องหยก ภรรยาของหนุ่ย ลูกสะใภ้สมคิด พุ่มพวง เปิดเผยว่า หลังสามีทราบข่าวพ่อโดนโทษประหารชีวิต ตนก็ให้กำลังสามีว่าสู้ๆ เพราะว่ากรรมของพ่อ ก็ให้พ่อรับไป ไม่ต้องคิดมาก ส่วนสามีบอกว่าอยากนำศพพ่อมาบำเพ็ญกุศลตามพิธี เพื่อไม่ต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ ตนอยู่กับหนุ่ยมา 2 ปี เพราะนิสัยดี ช่วยกันทำมาหากิน สร้างเนื้อสร้างตัว และทำให้ดีที่สุด เพื่อจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
ภาพ/ข่าว นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี