มือปืนบุกเดี่ยวรัวยิงหนุ่มท่าทรายจนหมดแม็ก ดับคาวงเหล้า อ้างทำตามคำสั่ง
1 min read
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 17 เมษายน 2564 ศูนย์วิทยุนรสิงห์สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท และมีผู้ใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในบริเวณชุมชนวัดวัดสามัคคีศรัทธาราม (วัดโกรกกรากใน) ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจหน่วยบริการประชาชนวัดตึกฯ ไปตรวจสอบก่อน แต่เมื่อไปถึงพบว่า ไม่ใช่เพียงแค่เหตุทำร้ายร่างกายกัน แต่เป็นเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนคนร้ายถูกพลเมืองดีช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ ทั้งนี้จึงได้รายงานเหตุให้ พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.ท.อนุรักษ์ ดีคล้าย สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุวินัย ลาจันทึก อายุ 29 ปี ที่อยู่ 20/7 หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศรีษะ 4 นัด แขนซ้าย 3 นัด ไหปลาร้า 1 นัด และแขนขวา 1 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 9 ปลอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และยังมีรถยนต์เก๋งสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นของเพื่อนในกลุ่มผู้เสียชีวิตที่จอดไว้ใกล้ๆ กัน ถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหายอีก 1 คัน ส่วนผู้ก่อเหตุที่พลเมืองดีได้ร่วมกันจับกุมตัวไว้ได้ ก็อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเพราะถูกทำร้ายร่างกายบ้างในช่วงชุลมุน ทราบชื่อคือ นายนิวัตร สุขเกตุ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 238 ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยถูกนำตัวส่งไปเข้ารับการรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะอายัดตัวไว้เพื่อทำการสอบปากคำ
จากคำบอกเล่าของเพื่อนผู้เสียชีวิตเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตและเพื่อนๆ อีกประมาณ 7 – 8 คน ได้นั่งดื่มกินสังสรรค์กันอยู่ตรงที่เกิดเหตุ แต่เมื่อมีตำรวจมาบอกว่าให้เลิกรวมกลุ่ม เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด จะมาจับกลุ่มกันแบบนี้ไม่ได้ ทุกคนจึงลุกขึ้นช่วยกันเก็บของก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะนั้นเองคนร้ายก็ขับรถจักรยานยนต์ สีเขียว ป้ายแดง เข้ามาจอด แล้วก็ไม่พูดอะไรเลย แต่ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนที่จะหันกระบอกปืนเล็งไปยังผู้เสียชีวิต ก่อนจะกระหน่ำยิงแบบไม่ยั้งจนหมดแม็กซ์ ซึ่งคนร้ายบอกเพียงแค่ว่า ตนเองได้รับคำสั่งให้มายิง ทั้งๆ ที่คนร้ายกับคนตายและเพื่อนๆ ของคนตาย ก็รู้จักกันหมด โดยหลังจากที่คนร้ายยิงคนตายแล้วก็ไม่ได้หนีไปไหน จึงทำให้พวกเพื่อนๆ และพลเมืองดีที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ในสภาพที่คนร้าย ร่างกายสะบักสะบอมเพราะความชุลมุนจากคนจำนวนมาก ส่วนสาเหตุนั้นก็ยังไม่มีใครรู้เป็นที่แน่ชัดว่ามาจากเรื่องเงิน หรือความขัดแย้งส่วนตัว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบปากคำคนร้าย เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน และตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับศพผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช
ภาพ/ข่าว ชูชาติ แดงพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร