สองสามี-ภรรยา ที่ทำเงินหล่นหายเกือบแสนบาท เดินทางเข้ารับเงินที่พลเมืองดีฝากไว้กับตำรวจแล้ว (มีคลิป)
1 min readจากกรณีที่นางสาวพัชรีรัตน์ จันทร์จรูญ อายุ 38 ปี อาชีพซื้อขายรถมือ 2 พร้อมสามี ได้ขับรถจยย.มาจอดบริเวณหน้าร้านกริลราชพฤกษ์ ตั้งอยู่อยู่บน ถ.ราชพฤกษ์ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี แล้วลงไปซื้อกุ้งเผาและได้ทำกระเป๋าสตางค์ตกหล่นที่บริเวณริมถนนหน้าร้านดังกล่าว หลังจากนั้นมีคนขี่จยย.มาจอดบริเวณที่กระเป๋าสตางค์หล่นแล้วก้มหยิบกระเป๋าสตางค์ก่อนขับจยย. มุงหน้าไปยังถ.รัตนาธิเบศร์
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านกริล ราชพฤกษ์ สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 18.44 น. พบคนขี่จยยใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ขี่จยย.ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ได้ขับจยย.มาจอดบริเวณหน้าร้าน จากนั้นเห็นกระเป๋าสตางค์หล่นอยู่ได้ก้มหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดูมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะตัดสินใจเก็บกระเป๋าสตางค์แล้วขับรถจยย.ออกไป
นางสาวพัชรีรัตน์ ผู้เสียหายกล่าวว่าตอนเกิดเหตุสามีตนขับรถจยย.โดยตนนั่งซ้อนท้ายขับรถมาจอดที่หน้าร้านกริลเพื่อจะลงไปซื้อกุ้งเผา และจะเอาตังค์ไปเข้าธนาคารกสิกรไทยที่ตลาดเจ้าพระยาปกติจะใส่เงินไว้ในกระเป๋าที่ใช้อยู่ประจำซึ่งเป็นกระเป๋าใบเล็กแต่วันนี้จะเอาเงินไปเข้าธนาคารจึงได้ใส่ไว้ในกระเป๋าอีกใบซึ่งเป็นใบที่หล่นหาย เป็นความเคยชินที่ตนเคยใช้แต่กระเป๋าใบเล็กเป็นประจำตอนลงจากรถจึงลืมไปว่าได้วางกระเป๋าอีกใบเอาไว้บนตัก พอลงจากรถกระเป๋าเลยได้กระเด็นหล่นลงที่พื้นโดยที่ตนไม่รู้ตัว หลังซื้อกุ้งเผาเสร็จเรียบร้อยได้ขับรถไปที่ธนาคารกสิกรไทยตรงตลาดเจ้าพระยา ปรากฏว่าหากระเป๋าตังค์ไม่เจอ ตนจึงรีบกลับไปที่ร้านขายกุ้ง เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านพบว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาที่ร้าน แล้วเห็นกระเป๋าตังค์หล่นอยู่ เขาก้มเก็บแล้วดูเหมือนว่ากำลังลังเลจะเข้าไปถามที่ร้านดีหรือไม่ แล้วขับรถออกไป
นางสาวพัชรีรัตน์ กล่าวต่อว่า ปกติตนจะพกเงินแค่หลักพันเงินที่ซื้อกุ้ง เป็นเงินที่อยู่ในกระเป๋าใบเล็ก หลังเงินหายจึงรีบเข้าไปแจ้งความ ที่สภ.บางศรีเมือง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้มาดูที่เกิดเหตุ แล้วตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนขี่จยย.ขี่ออกไป ปกติตนเป็นคนขี้ลืมเคยลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ร้านอาหารแต่ก็กลับไปเอาทางร้านเก็บไว้ให้ตนต้องโทษตัวเองด้วยเพราะเป็นคนขี้ลืม ตอนเงินหายตนตกใจมากเพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินที่เก็บไว้ลงทุนทำธุรกิจในครอบครัว หลังเงินหาย ตนได้นำคลิปไปลงในเพจเมื่อคืนตอน เวลาประมาณ 02.00 น มีพลเมืองดีโทรมาหาตนบอกว่ารู้จักกับคนที่เก็บเงินได้ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดูแล้วคุ้นหน้าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่เก็บเงินได้ และให้ตนลองไปตามดูตามที่อยู่ที่พลเมืองดีบอก พอตอนเช้าเวลาประมาณ6 โมงเช้าตนรีบเดินทางเข้าไปที่บ้านของคนที่คาดว่าน่าจะเก็บเงินได้ เจอกับพ่อของคนที่เก็บเงินได้ทางพ่อ เล่าให้ฟังและบอกข้อมูลหมดทุกอย่าง ตอนนี้เงินที่หล่นหายทางคนที่เก็บได้นำไปฝากไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักบางใหญ่ ทางพ่อของคนที่เก็บเงินได้บอกว่า ถ้าตอนที่เก็บเงินได้แล้วถามหาเจ้าของเกรงว่าจะมีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าของเงินเนื่องจากในกระเป๋าไม่ได้มีหลักฐานเอกสารอะไรของเจ้าของเงินจึงได้ตัดสินใจนำเงินทั้งหมดไปฝากไว้ที่โรงพักบางใหญ่ เมื่อช่วงเช้าตนได้ไปติดต่อขอรับเงินแต่ทางเจ้าของคดีออกเวรแล้ว เดี๋ยวตอนค่ำวันนี้จะเข้าไปที่โรงพักอีกรอบ เพื่อแสดงตัวขอรับเงินดังกล่าว ตอนแรกตนคิดมากแต่ตอนนี้ตนสบายใจแล้วเนื่องจากคนที่เก็บเงินได้เป็นพลเมืองดีถ้าเจอกันตนอยากจะขอบคุณเขา
ล่าสุดวันที่ 17 เม.ย. 64 เวลา 22.00 น.นางพัชรีรัตน์และสามี เดินทางกลับจากต่างจังหวัดเข้าพบ พ.ต.ท.สงคราม บัวพันธ์ สว.(สอบสวน) สภ.บางใหญ่ เพื่อขอรับเงินสดจำนวน 96,000 บาท จากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อย โดยพลเมืองดีที่ขี่จยย.และเก็บเงินได้ในคลิปคือ น.ส.จอย ลูกสาวอดีตนายตำรวจ สภ.บางใหญ่ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว ได้นำมาฝากตำรวจไว้ เนิ่องจากช่วงเวลาที่เก็บได้มีคนอยู่จำนวนมากเกรงจะมีผู้ไม่หวังดีแอบอ้างเป็นเจ้าของ เนื่องจากในกระเป๋าไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆเลยนอกจากเงินสด น้องจอยจึงไปเล่าเรื่องให้พ่อฟัง
จนกระทั่งพ่อได้ให้เอาเงินไปฝากไว้ที่เพื้อนนายตำรวจที่สภ.บางใหญ่ ก่อนแจ้งประสานให้ทางร้อยเวร สภ.บางศรีเมือง ท้องที่ที่เกิดเหตุให้ทราบและประสานแจ้งเรื่องราวให้กับนางสาวพัชรีรัตน์ได้รับรู้ ในคืนนี้จึงได้เดินทางมารับเงินทันทีหลังกลับจากต่างจังหวัด ทั้งนี้นางสาวพัชรีรัตน์ ได้ติดต่อของให้น้องจอย มารับรางวัลเป็นสินน้ำใจที่โรงพัก แต่น้องจอยปฎิเสธเพราะคิดว่าทำดีไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งนางสาวพัชรีรัตน์เองบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทราบซึ้งในตัวน้องเขา ตนเองกับสามีคงจะจัดกระเช้าเพื่อเป็นการขอบคุณและนำไปให้เขาเป็นกำลังใจที่ทำความดีในครั้งนี้แม้เขาจะปฎิเสธสินน้ำใจก็ตาม
ภาพ/ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวนนทบุรี