บทบรรณาธิการข่าวชัด “โรคระบาด วิถีพัง”
1 min readบท บก.ข่าวชัด พ.ค.64
โรคระบาด วิถีพัง
ไม่น่าเชื่อว่าพิษเชื้อไวรัสโควิด 19 จะรุนแรง ทำลายเศรษฐกิจและคร่าชีวิตคนได้รวดเร็ว แม้มีวัคซีนป้องกันก็ตาม แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทุกฝ่ายต้องหาทางยับยั้ง ไม่ต้องรุนแรงขึ้นมากไปกว่านี้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐโดยตรง ต้องทำงานให้เร็วและตรงเป้าหมายมากที่สุด การเตรียมรับมือ มหันตภัยโรคระบาดวิทยา คราวนี้ ได้สะท้อนเห็นการทำงานของทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ติดกับตั้งแต่ระลอกแรก
และเมื่อระลอกสอง ตามมาในเวลาไม่ห่างกันนัก แต่ผลร้ายไม่ปรากฏชัด เพราะยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่เมื่อระลอกสามนี่แหละ ปรากฏชัด คนติดแล้วมีโอกาสตายเร็วขึ้น เพราะป้องกันช้า รักษาไม่เร็ว วัคซีนยังหาแหล่งซื้อไม่ได้ มีข้อจำกัดมากมายในประเทศ ระลอกนี้เอง ไวรัสยังคงอยู่ต่อไป แต่จะยาวนานแค่ไหน คงจะทำนายกันไม่ได้ ปัจจุบัน คนมีโอกาส ติดและไม่ติดเปอร์เซ็นต์เท่ากัน ดังนั้นทุกคนต้องพึ่งตนเองไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทุกอย่างต้องปิด สถานบริการร้านค้าต่างๆ ต้องปิดตัวทุกแห่ง เพราะไม่มีคนเข้าไปใช้บริการ ในเวลาที่จำกัด ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิม พบปะสังสรรค์ ต้องเว้นระยะห่าง เก็บตัวอยู่ในบ้าน ผู้คนไม่ออกนอกบ้าน ถนนสายบันเทิงเงียบ ไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน เพราะคนเกิดวิตกจริต กลัวติดเชื้อ ไม่รู้ชะตากรรม ติดแล้วตายหรือจะรอด
ในขณะที่ อีกซีกโลกกำลังก่อสงคราม ถล่มกันด้วยอาวุธหนัก จนมีพลเรือนและบ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก เพราะแย่งชิงเมือง แม้เพื่อนบ้านประเทศไทยเอง ก็ยังหาความสงบไม่ได้เช่นกัน ประชาชนลี้ภัย หลบเข้าประเทศไทยมากขึ้นทุกวัน ในส่วนประเทศไทยเอง ประชาชนต้องต่อสู้และอดทน ต่อการแพร่ระบาดวิทยา ทุกคนจำต้อง ทำวิถีทางป้องกันตนเอง ตามคำแนะนำจากแพทย์ แต่ไม่วายมีคนจำนวนมากติดแล้วตาย
นั่นเพราะ ในเบื้องต้น ยังจับจุดไม่ถูกทาง ทำงานตามเหตุเกิด แต่เมื่อเพิ่มจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจ ในการแก้ไข เมินคำแนะนำที่รัฐต้องเป็นฝ่ายรุก เพื่อปิดจุดการแพร่ระบาด และเมื่อรัฐ เป็นฝ่ายรุก ปรากฏว่าได้ผล ผู้ติดเชื้อน้อยลง หากรัฐเป็นฝ่ายรุกตั้งแต่แรก เชื้อคงไม่ระบาดมากและรวดเร็วเช่นนี้ เพราะคนคือพาหะของเชื้อไวรัส มันติดตัวคนไปตลอด หากได้รับการรักษาล่าช้า ต้องเสียชีวิต ในที่สุด แม้รัฐจะพยายาม เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส อันเป็นผลกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน สินค้าอุปโภค บริโภคทุกชนิด พาเหรดขึ้นราคากันถ้วนหน้า กระทรวงพาณิชย์เอง ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าปล่อยให้เกิดขึ้น ข้าวของแพงขึ้น ประชาชนไม่มีเงินหมุนเวียนในมือ บางคนอดมื้อ กินมื้อ ชีวิตเปลี่ยนชั่วข้ามคืน เมื่อเกิดเชื้อไวรัสระบาดระลอกสามนี้ หลายคนเตรียมตัวไม่ทัน ว่าจะเกิดขึ้น เช่นนี้ จนกิจกรรมต่างๆ สถานบิการต่างๆปิดตัว เพื่อความอยู่รอดในชีวิต ทุกคนต้องดิ้นรน แม้จะก่อเหตุอาชญากรรมก็ตาม ในขณะที่หลายคนตัดช่องน้อยแต่พอตัว คือการฆ่าตัวตาย หนีปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกวัน
พิษภัยเชื้อโควิด 19 เปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทยในทุกด้าน ไม่ว่าด้านความเป็นอยู่ การกินต้องปรับตัว ระวังมากขึ้น แม้แต่จะรวมกลุ่ม สังสรรค์ก็ตาม ต้องระวัง เพราะต่างไม่ไว้วางใจกันคนติดเชื้อจะไม่มีอาการเริ่มแรก แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง จะออกอาการตามที่แพทย์ระบุ ต้องดำเนินการรักษาทันที หาไม่ตาย โดยเฉพาะมีการพูดกันทุกวัน เชื้อร้ายกลายพันธ์ ยิ่งเพิ่มความกดดันมากขึ้นตามลำดับ เราจะทำอย่างไร ใหห้ผู้คน คลายกังวล ไม่วิตกจริตมากเกินไป จนถึงขั้นเป็นโรคจิตประสาท เพราะยามปกติคนไทย ก็เป็นโรคจิดเวช มากอยู่แล้ว แต่เมื่อมีไวรัสระบาดเช่นนี้ สังคมไทย คงกลายพันธ์ เป็นโรคจิตเวชเพิ่มมากขึ้นแน่ ถ้าคิดไม่ทัน
ทั้งนี้ ทั้งนั้น อยู่ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ชีวิตประชาชน ต้องคำนึงในหลักการรักษาพยาบาล ด้านสาธารณสุขที่รวดเร็ว มิใช่เรือเกลือ ต้องทำงานในเชิงรุก มิใช่ตั้งรับ ดั่งที่เป็นมาในอดีต ไม่มีคนตาย คงไม่ตื่น
บก.
Loading…