สุรินทร์ เจ้าของที่ดินร้องตรวจสอบดินดำ คล้ายมีสารพิษเจือปนถูกนำมาถม
1 min readสุรินทร์ เจ้าของที่ดินร้องตรวจสอบดินดำ คล้ายมีสารพิษเจือปนถูกนำมาถม หลังปล่อยให้เช่าทำการเกษตร 50 ไร่ แต่ผู้เช่ากลับนำดินลักษณะปนสารเคมีมาถม สูงจากดินเดิม 60 ซ.ม.พื้นที่ 10 กว่าไร่ ชาวบ้านข้างเคียงได้รับผลกระทบด้วยหลายราย
วันที่ 28 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ที่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม พื้นที่บ้านกะลัน ม.15 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายเขมทัต วรรณใส ปลัดอำเภอ ประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ อบต.ปรือ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านกะลัน ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบดินที่ถูกนำมาถม หลังนางสาวคมคาม แซ่จึง อายุ 55 ปี เลขที่ 563-565 ถ.สุรินทร์ – ปราสาท ม.2 ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าของที่ดินร้องขอให้ช่วยตรวจสอบ ว่าเป็นดินที่มีสารอันตรายเจือปนอยู่หรือไม่ หลังปล่อยให้ น.ส.เข็มทอง โสเพียร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 3 บ้านหนองรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เช่าทำการเกษตร เป็นเวลา 2 ปี พื้นที่ 50 ไร่ ตั้งแต่ 5 พ.ย.62 ถึง 5 พ.ย.64 (ค่าเช่าปีละ 1.5 แสนบาท) กลับพบว่าผู้เช่าไม่ได้ทำตามสัญญาการเช่าทำการเกษตรทั้งหมด มีการนำดินลักษณะสีดำมาถมในที่ดิน 10 กว่าไร่ ความสูงจากผิวดินเดิมประมาณ 60 ซ.ม.และชาวบ้านที่มีพื้นที่ข้างเคียงยังได้รับผลกระทบที่ผ่านมา ทั้งเรื่องกลิ่นเหม็น ฝุ่นจากเถ้าดินดำ บางคนเกิดอาการภูมิแพ้ และผลผลิตข้าวลดลงเนื่องจากเมล็ดข้าวลีบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีสมาชิกสภา อบต.ปรือ ได้มีการสอบถามในที่ประชุมสภา อบต.ปรือ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 ว่ามีชาวบ้านร้องเรียน ว่ามีการถมที่โดยนำวัสดุที่ไม่ใช่ดิน เหมือนขี้เถ้าสีดำมาถม ทำให้มีกลิ่นเหม็นมา ขอให้ อบต.ปรือ เข้าไปตรวจสอบด้วย
โดยพบว่าพื้นที่ดังกล่าว มีการแบ่งปลูกมันสำปะหลังแบบห่างๆ และอีกพื้นที่มีการนำดินดำมาถม เมื่อใช้รถแบ็คโฮขุดลงไปจนถึงดินเดิมพบว่า ดินดำที่นำมาถมมีความสูงประมาณ 60 ซ.ม.ลักษณะเป็นสีดำคล้ายขี้เถ้าปนหินเกล็ดเล็กๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสารอันตรายเจือปนอยู่หรือไม่ ต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาสำรวจ และเก็บตัวอย่างดินไปตรวจสอบ ซึ่งขั้นตอนตรงนี้ ทางปลัดอำเภอ บอกว่าต้องให้ น.ส.คมคาม เจ้าของที่ดินไปยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปราสาท ก่อน เพื่อที่จะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบนั้น ก็ต้องเข้าไปยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมด้วยเช่นกัน
ซึ่งขณะที่เจ้าของที่ดินที่ให้เช่า ได้นำเจ้าหน้าที่พร้อมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เดินสำรวจพื้นที่ดังกล่าวอยู่นั้น น.ส.เข็มทอง ผู้เช้าที่ดินพร้อมทนาย ได้เข้ามาสังเกตการณ์ แต่ยังไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น
นายทอง บุญชาติ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 15 ตำบลปรือ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และชาวบ้าน บอกว่า ตอนแรกที่มีการนำเอาดินสีดำมาลงมีกลิ่นเหม็นมาก เมื่อลมพัดไปทิศทางใหนก็จะเหม็นไปตามทิศทางนั้น ถมเป็นกองใหญ่ จะมีกากมัน ขี้เถ้าฝุ่น ดินแดงๆ และหินเล็กๆ นำมาลงเยอะมากหลายรถพ่วง ที่เห็นในตอนนี้มีบางช่วงมีการขนออกไปบางส่วน แล้วมีการเกลี่ยทับดินไว้ นอกจากกลิ่นเหม็นแล้ว ในหน้าแล้งที่ผ่านมาก็มีฝุ่นฟุ้งกระจายออกไปเป็นจำนวนมาก เมื่อรถวิ่งเข้าออก คนแก่ที่อยู่บริเวณใกล้ๆจนต้องหายากินเนื่องจากเกิดอาการผิดสำแดงหรือภูมิแพ้ และยังมีผลกระทบต่อการทำนาในปีที่ผ่านมาอีกด้วย เนื่องจากน้ำในพื้นที่ที่เป็นสีดำไหลลงไปในทุ่งนา ต้นข้าวบางแห่งจะสีแดง และ ข้าวไม่ค่อยมีเมล็ด
พื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่จะมีการนำดินดำ ขี้เถ้ามาในพื้นที่ สภาพดินจะเป็นสีแดงเหมือนบริเวณรอบข้างทั่วไป โดยเจ้าของที่ได้ขุดดินนำถมที่ดังกล่าวไว้ แต่เมื่อมีคนมาเช่าก็นำดินดำเข้ามาถมจำนวนมากและเป็นกองสูง ต่อมาได้ขนออกไปบ้างและที่เหลือได้ปรับเกลี่ยถมไว้อย่างที่เห็น
นางภรภ์ภส จันทร์ดี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 15 บ้านกะลัน บอกว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกับพื้นที่ที่มีการนำดินดำเข้ามาถม กลิ่นเหม็นมาก และยังมีฝุ่นอีก ในตอนแรกเมื่อปีที่แล้วมีรถขนเข้ามาจำนวนมาก บางส่วนก็มีการทยอยขนออกไปอีกด้วย
ด้านนายแอ๊ด เติมสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านกำนัน หมู่ 15 ตำบลปรือ อำเภอปราสาท บอกว่า ในตอนแรกมีกลิ่นเหม็นมากจริงๆ ตนได้เคยเข้ามาดู พอเขาเอารถมาเกลี่ยและแดดแรง กลิ่นก็เริ่มจางลง สิ่งที่นำมาถมพบว่าเป็นเถ้าฝุ่นที่มาจากกรองโรงงานไฟฟ้า ตนก็ไม่ทราบว่าเอามาจากไหน นำเข้าเป็นจำนวนมาก ตอนแรกเห็นว่าจะถมทำแต่ถนนทางเข้า แต่กลับเกลี่ยขยายถมจนเเต็มพื้นที่
ด้านนางสาวคมคาย แซ่จึง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 563-567 ม.2 ต.กังแอน อ.ปราสาทจ.สุรินทร์ เจ้าของที่ดินดังกล่าว บอกว่า ที่ดินดังกล่าวตนให้เขาเช่า ซึ่งในตอนแรกที่มาดูพบว่ากำลังจะมีการขุดดินดำขนออกไป ตนจึงห้ามไว้ เพราะว่าดินดังกล่าวไม่รู้มีสารอะไร หรือกากใยอะไรอยู่หรือไม่ ตนก็ไม่ทราบได้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบว่าดินดำดังกล่าวที่นำมาทิ้งคงเป็นไม่ใช่สิ่งดี เป็นอะไรกันแน่ ถึงส่งผลกระทบต่อไร่นาชาวบ้านและ ชาวบ้านที่อยู่รอบข้าง ตนในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว แต่ชาวบ้านไม่ทราบว่าสาเหตุที่มาจากไหน ตนต้องการช่วยชาวบ้านไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน หากปล่อยไว้ชาวบ้านเดือดร้อนแน่นอน ซึ่งที่ดังกล่าวตนให้ผู้เช่าได้เช่าเพื่อปลูกมันสำปะหลังจำนวน 50 ไร่ แต่ดูแล้วไม่ใช่จะปลูกมันเลย ที่ดังกล่าวกว่า 10 ไร่ กลับนำสารจากโรงไฟฟ้ามาทิ้ง ชาวบ้านบอกว่าเป็นกองใหญ่มาก เป็นร้อยๆพ่วง ตนก็ไม่ทราบเพราะอยู่แต่ที่บ้าน ให้เช่าปลูกมันสำปะหลัง ก็ปลูกไป ตนไม่ได้สงสัยอะไร จนมาปีที่ 2 ผู้เช่าได้มาจ่ายค่าเช่า แต่บอกว่าจะไม่ทำ ตนก็เอะใจ จึงออกมาดูที่ดินและถามชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านบอกว่ามีกลิ่นเหม็นมากเลย ไม่รู้เขาเอาอะไรมาทิ้ง เพื่อความเป็นธรรมให้กับของชาวบ้าน ตนจึงต้องดำเนินการให้มีการตรวจสอบดินดังกล่าว ตนในฐานะเจ้าของที่มีความบริสุทธิ์ใจ ที่อยากช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งในภาคหน้าไม่รู้จะเกิดโรคอะไรขึ้น น้ำบาดาลที่ชาวบ้านเจาะใช้จะมีปัญหากับสุขภาพร่างกาย หรือไม่ ในตอนนี้ตนได้แจ้งต่อปลัดอำเภอนายอำเภอปราสาทให้รับทราบแล้ว รอดูว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้เจ้าของที่ดิน ยังตั้งได้ข้อสังเกตุอีกว่า ผู้ที่มาเช่าที่ยอมเสียค่าเช่าปีละ 1.5 แสนบาท แต่มีการปลูกมันสำปะหลังแค่นิดหน่อยแบบห่างๆ แล้วจะคุ้มกับค่าเช่าที่เสียไปไหม ถ้าไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น