กอ.รมน.ภาค 4 สน. แจงเพิ่มความเข้มพร้อมเสริมกำลังตามแนวชายแดน ปิดตายช่องทางธรรมชาติ (มีคลิป)
1 min readกอ.รมน.ภาค 4 สน. แจงเพิ่มความเข้มพร้อมเสริมกำลังตามแนวชายแดน ปิดตายช่องทางธรรมชาติ ป้องกันลักลอบเข้าเมืองไม่ผ่านคัดกรอง หลังมาเลเซียประกาศล็อกดาวน์ประเทศทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 เวลา 09.30 น. พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยถึงกรณีการเพิ่มความเข้มและเสริมกำลังป้องกันชายแดนโดยบูรณาการกำลังร่วมทุกภาคส่วน ลาดตระเวนปิดตายช่องทางท่าข้ามธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดระยะทาง 647 กิโลเมตร ห้ามลักลอบเดินทางเข้า-ออกโดยเด็ดขาด พร้อมให้เจ้าหน้าที่สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านที่อยู่ริมลำน้ำ ยกเรือขึ้นฝั่ง สกัดการเดินทางข้ามแดนช่วงโควิด-19 ระบาด หลังมาเลเซียล็อกดาวน์ประเทศ
ภายหลังจากที่ประเทศมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศล็อกดาวน์ประเทศระยะแรกเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่ 1-14 มิ.ย. 64 แบบเต็มรูปแบบทั้งระบบ ทั้งในภาคเศรษฐกิจและสังคม โดยจะมีการอนุญาตในบางส่วนที่จำเป็นเท่านั้นให้ยังคงเปิดดำเนินการได้ จึงอาจทำให้มีแรงงานต่างด้าวรวมถึงคนไทยในมาเลเซีย ทำการลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน ผ่านตามช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย
ล่าสุด พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี(ทก.ยว.)ขึ้น จำนวน 2 พื้นที่ ประกอบด้วย ที่บังคับการทางยุทธวิธี กองกำลังเทพสตรี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ที่ บ.ด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และที่บังคับการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่ออำนวยการ ควบคุม และกำกับดูแล ให้กำลังและเครื่องมือที่มีอยู่ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน อีกทั้งยังเป็นการช่วยประสานการทำงานร่วมกันกับกำลังภาคส่วนต่างๆให้สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้อย่างเป็นระบบ โดยที่บังคับการทางยุทธวิธีนอกจากกำลังทหารแล้วยังมี ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งตรวจคนเข้าเมืองมาทำงานร่วมกัน และยังได้รับการเพิ่มเติมกำลังจาก ผบ.ทบ. อีกจำนวน 5 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนมาแล้วจำนวน 10 ชุดปฏิบัติการ ที่ได้เข้าไปช่วยเสริมกำลังลาดตระเวนจรยุทธ์อุดช่องโหว่ตามช่องทางธรรมชาติ ร่วมกับการใช้เครื่องมือเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน
สำหรับในพื้นที่ อ.แว้ง อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ถือว่าเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย – มาเลเซียที่มีจุดผ่อนปรน และท่าข้ามธรรมชาติจำนวนมาก และเป็นพื้นที่เขตแดนทางน้ำถึง 95 กิโลเมตร ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับชาวบ้านริมลำน้ำ เพื่อยกเรือขึ้นฝั่ง ถอดเครื่องยนต์ ป้องกันการใช้ไปรับ-ส่งคนจากฝั่งมาเลเซียกลับมาฝั่งไทย และปิดตายช่องทางธรรมชาติ ห้ามเข้า – ออก โดยเด็ดขาด หากจะเข้ามาต้องมาทางช่องทางที่ถูกต้องเท่านั้น
โดยมีการเปิดให้ลงทะเบียนข้ามแดนโดยถูกกฎหมายในทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ในส่วนของการลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติ ได้มีกำลังเฝ้าตรวจอย่างเข้มข้น พร้อมใช้งานการข่าวเชิงรุกควบคุมพื้นที่รอบนอก ตลอดจนพื้นที่ตอนในจากกำลังภาคประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เองในการแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเมื่อตรวจพบจะนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยทันที
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายจะดูแลแนวชายแดนอย่างเต็มที่ และจะไม่ปล่อยให้ใครเล็ดลอดเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรอง เป็นอันขาด รวมถึงต้องขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอให้ช่วยกันเฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐอีกทางหนึ่งด้วย หากพบมีบุคคลลักลอบผ่านแดนเข้ามาในพื้นที่ หรือเบาะแสของขบวนการนำพา ขอให้แจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-173-2999 หรือสายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่หรือเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง