แม่ทัพน้อยที่3 ร่วมประชุม 5 หน่วยงานแถลงปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ห้วง 15 – 30 ธ.ค.62 ยกระดับการสกัดกั้นและปราบปราบยาเสพติด
1 min readเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ร่วมกับ นายมานิต โกเมศ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย=นายปิติณัช ศรีธรา ผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมทางศุลกากรภาค 3 ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กองกำลังผาเมือง , กองกำลังนเรศวร , กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , ตำรวจภูธรภาค 5 ,กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ,นายอัครพันธ์ พูลศิริ ป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝ่ายปกครองและป้องกัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดพะเยา ร่วม แถลง“ปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ครั้งที่ 1/63 – ศอ.บส.ชน. ณ ห้องประชุม ศป.บส.ชน.ค่ายกองพันพัฒนาที่ 3 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ กล่าวว่า ในการร่วมกันสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขงของแต่ละประเทศพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ในปี 62 ที่ผ่านมา มีการจับกุม 1,023 คดี ผู้ต้องหา 2,021 คน ยาบ้ากว่า 400 ล้านเม็ด ไอซ์ 19,044 กิโลกรัม เฮโรอีน 3,342 กิโลกรัมและกรดไฮโดรคลอริก 77,046 ลิตร เนื่องจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ยังคงเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหลักของโลกที่มีแนวโน้มปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทั้ง 6 ประเทศ ได้เห็นชอบร่วมกัน ที่จะยกระดับการสกัดกั้นและปราบปราบยาเสพติด ให้เป็น “ปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ครั้งที่ 1/63 – ศอ.บส.ชน. ” ขึ้นเพื่อยกระดับความร่วมมือฯ ระหว่างไทยและเมียนมา ในการร่วมกันเฝ้าระวังและสกัดกั้นสารเคมีที่เสียงต่อการนำไปผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เพิ่มมาตรการ การวางจุดตรวจจุดสกัดกั้นยาเสพติดตามเส้นทาง ให้มีประสิทธิภาพ ภายในแต่ละประเทศของตน รวมทั้ง ดำเนินการต่อพื้นที่และหมู่บ้านสำคัญที่คาดว่าเป็นแหล่งผลิตหรือแหล่งพักยาเสพติดในประเทศของตน โดยทั้งสองประเทศจะดำเนินการสืบสวนปราบปรามกลุ่มผู้ผลิต และค้ายาเสพติดในประเทศของตน และจะมีการยกระดับการสืบสวนปราบปรามร่วมกัน เช่น เครือข่ายการค้ายาเสพติดที่มีความเชื่อมโยงทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะคนไทยที่หนีหมายจับไปอยู่ในพื้นที่ประเทศเมียนมา , การวางแผนสืบสวนและขยายผลร่วมกัน โดยประเทศฝ่ายหนึ่งสามารถร้องขอให้มีการปฏิบัติการของอีกฝ่ายหนึ่งได้ เพื่อขอความร่วมมือการสอบปากคำ และขยายผลอย่างรวดเร็วทันการณ์ ต่อไป
พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ กล่าวว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ได้ กำหนดเป้าหมายคู่ขนาน คือ ฝ่ายเมียนมา บริเวณพื้นที่เมืองสาด และจังหวัด ท่าขี้เหล็ก จำนวน 10 พื้นที่ 21 จุด และคนไทยหนีหมายจับไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 53 เป้าหมาย ส่วนพื้นที่เป้าหมายฝ่ายไทยกำหนดพื้นที่เสี่ยงสำคัญที่อาจมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด และสารตั้งต้น/เคมีภัณฑ์ ผ่านเข้า – ออก พื้นที่ชายแดน จำนวน 20 ช่องทาง/ท่าข้าม , 23 พื้นที่หมู่บ้าน และ 12 เส้นทางเพ็งเล้ง ด้านจังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดเชียงราย
สำหรับการจัดกำลังร่วมปฏิบัติตามแผนฝ่ายไทย ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ , กองกำลังผาเมือง , กองกำลังนเรศวร , กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , ตำรวจภูธรภาค 5 , สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 , กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 , สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5,ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงใหม่ , จังหวัดเชียงราย , ฝ่ายปกครองและป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดพะเยา ในการร่วมกันยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมา และการปฏิบัติการร่วมเพื่อหยุดยั้งการนำเข้าและส่งออก ยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ บริเวณพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของไทย ให้ส่งผลต่อสถานการณ์ปัญหายาเสพติด ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้ความร่วมมือของอนุภาคี 6 ฝ่าย หรือ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ต่อไป