นครปฐม หลวงพี่น้ำฝน ปรับระบบจัดวัดไผ่ล้อม เป็นโรงพยาบาลสาขาย่อย ช่วยเผาศพฟรี สู้วิกฤติโควิด-19
1 min readหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เดินหน้าจัดสถานที่ในพื้นที่วัดให้เป็นโรงพยาบาลนครปฐมสาขาย่อย รับผู้ป่วยสูงวัยดูแล 500 คนต่อวัน ขณะเดียวกันยังเดินหน้าจัดพิธีสวด เผา ศพติดเชื้อโควิด-19 ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปีกว่า เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์และให้กำลังใจกับญาติของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ย้ำปรับแผนช่วยอีกหากสถานการณ์เปลี่ยน เผยสิ่งนี้คือกิจของสงฆ์
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้มีการจัดการการประกอบภารกิจในวัดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภารกิจนอกเหนือจากกิจประจำของคณะสงฆ์ที่การปฏิบัติกันตามปกติเช่นวัดและคณะสงฆ์ทั่วไปที่เราชาวพุทธนั้นคุ้นเคยกันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายที่เคยสืบต่อกันมา ซึ่งช่วงนี้ในพื้นที่วัดไผ่ล้อมได้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นโรงพยาบาลสาขาย่อย ในการรับรักษาผู้สูงอายุที่มีอาการเจ็บป่วย รวมถึงจัดพื้นที่แยกโซนในการจัดพิธีสวดเผาฟรีให้กับผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควบคู่กันไปด้วย
โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่าปัจจุบันวัดไผ่ล้อม ได้มีการปรับพื้นที่จากวัดให้มีมีศักยภาพในการช่วยเหลือหน่วยงานราชการและช่วยเหลือญาติโยมทางด้านงานบริการด้านสาธารณสุข รวมถึงยิ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีการเร่งการดำเนินการของคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมให้สามารถทำงานในพื้นที่วัดให้สามารถช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจในสังคมมากขึ้น ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีวันหยุดพักเพื่อเร่งการทำงานให้ทันเวลาเพียงพอต่อสถานการณ์ที่ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นในช่วงนี้
หลวงพี่น้ำฝน เผยว่า จุดแรกที่วัดไผ่ล้อมได้เริ่มทำมาตั้งแต่แรกคือ การปรับพื้นที่จุดปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ที่มีอยู่ซึ่งได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งปัจจุบันมีสถานที่ไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน โดยยังมีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลนครปฐม ทำให้สถานที่ทำการรับการตรวจโรคและรับการรักษาผู้ป่วยไม่เพียงพอรวมถึงที่จอดรถซึ่งยิ่งมีอย่างจำกัดทำให้บริการทางด้านการแพทย์ มีความยากลำบากสำหรับบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน จึงได้จัดสถานที่ข้างพระอุโบสถหลังเก่าเพื่อเปิด โรงพยาบาลนครปฐม สาขาวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีการนำกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุมาทำการตรวจสุขภาพของโรคเบาหวาและความดัน ซึ่งจะมีผู้มาเข้ารับบริการวันละ 400-500 คนทุกวันทำการ
โดยทางวัดไผ่ล้อม ได้จัดเจ้าหน้าที่เป็นคณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่มาทำการจัดหาสถานที่จอดรถและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมถึงการจัดคณะสงฆ์ให้ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในจุดคัดกรองเพื่อซักประวัติเบื้องต้น และตรวจกรองผู้ที่เสี่ยงจะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะเริ่มตั้งแต่ 07.00 น. ตั้งแต่ประตูวัดเปิด ยิ่งช่วงนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในพื้นที่ ทำให้คณะสงฆ์ต้องยิ่งดำเนินการในการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์อย่างสุดกำลังเพื่อให้ญาติโยมที่มีอาการป่วยนั้นผ่านวิกฤตินี้ไปไม่ได้ เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้ถูกรับมอบหมายในการรับภารกิจในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อและเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครปฐมในขณะนี้
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า แต่สำหรับกลุ่มประชาชนที่โชคไม่มีและติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนร่างกายไม่สามารถที่อดทนต่อสภาวะการต่อสู้ได้ไหวและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทางวัดไผ่ล้อมได้สนับสนุนภารกิจในการรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเรียกว่าเป็นวัดแรกๆในประเทศไทย โดยได้ผ่านโครงการ กองทุนสวดเผาฟรี จนถึงวันนี้ตลอดระยะเวลา 2 ปีได้มีการเผาศพมาแล้วมากกว่า 130 ศพและยังมีคิวขอจองให้มีการเผาศพที่ติดเชื้อทุกวัน ซึ่งคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือบุคคลากรทางการแพทย์เสร็จสิ้นแล้วในช่วงครึ่งวัน ช่วงสายและบ่ายจะมีการเข้ามาช่วยในการจัดงานฌาปนกิจศพแบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือญาติโยมแบบเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งเป็นวัดเดียวที่มีการจัดพิธีการแบบครบกระบวนการ ด้วยการสวดบังสุกุล ทอดผ้า ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม รวมถึงการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง และตอนนี้คิวเริ่มแน่นมากจากตัวเลขการเสียชีวิตซึ่งกำลังจะปรับแผนที่วัดสามารถเผาศพได้เพียงวันละ 2-3 ศพ เพื่อให้มีการรับเผาศพให้ได้มากกว่านี้ด้วย
“วัดไผ่ล้อมไม่เคยหยุดที่จะปรับรูปแบบให้คณะสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคม เพราะเป็นหนึ่งในกิจของสงฆ์ด้านสาธารณสงเคราะห์ และวันนี้ภารกิจของวัดไผ่ล้อมนั้นมีหลากหลาย นอกเหนือจากภายในวัดแล้วนอกวัดก็มีการมอบเตียงไฟฟ้าให้ผู้ป่วย มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ ร่วมเป็นกองทัพธรรมเพื่อสานต่อการทำงาน ซึ่งวันนี้พื้นที่วัดไผ่ล้อมแทบจะทั้งหมดถูกปรับเป็นพื้นที่เพื่อช่วยเหลือญาติโยมจนเกือบเต็มพื้นที่แล้ว แต่หากมีสถานการณ์อะไรที่เปลี่ยนแปลงก็พร้อมที่จะมีการปรับการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไปอีกแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม