วิพากษ์การเมือง “พลังประชารัฐ พลังธรรมนัส”
1 min readวิพากษ์การเมือง ข่าวชัด พ.ย.64
พลังประชารัฐ พลังธรรมนัส
พลังประชารัฐ ต้องมีธรรมนัส เป็นกฎตายตัวในถนนการเมือง ที่ผู้กองธรรมนัส และพลเอก ประยุทธ ไม่ลงรอยกันในชั้นเชิงและท่าที จนดูเหมือน ผู้กองธรรมนัส จะเหนือกว่าใครในพลังประชารัฐ เพราะทุกย่างก้าวของผู้กองธรรมนัส ไม่เบาในลีลาการเมือง ขณะนี้ จนดูออกว่าแม้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ความเกรงใจผู้กองธรรมนัสเสมอ เรื่องถูกปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น หยิกเล็บ เจ็บเนื้อ หัวหน้าพรรครู้ แต่พูดอะไรไม่ได้เพราะเป็นเกลอกันมานาน คงปล่อยให้เป็นกระแสตามลมดีกว่า มานั่งอมทุกข์ กันและกัน กระแส ผู้กองมนัสจึงถูกจดจำในทุกตารางเมตร บนถนนสายนี้ ผู้กองธรรมนัส คงก้าวเดินเติมฝันของตนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงสุดของชีวิตการเมือง หากพลังประชารัฐยังคงอยู่รูปแบบพรรคการเมือง ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ
ถนนทุกสาย ทั้งในเวลานี้ และอนาคต ต่างพุ่งเข้าหา ผู้กองธรรมนัส เพราะก้าวเดินไปที่ใด ประชาชนชื่นชมความกล้าหาญ ชนกับหัวหน้า คสช. ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแต่ประการใด เพียงถูกยกให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดเท่านั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า พลังประชารัฐมีบุคคลตัวจริง เสียงจริง มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้คนในพลังประชารัฐ ต่างมีแผลกันทุกคน แม้ผู้กองธรรมนัสเอง ก็มีแผลไม่ต่างกับคนอื่น
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองผู้กองธรรมนัสคือบุคลากร ในพรรคที่เป็นยุทธศาสตร์พรรค ให้ประชาชนได้ยินชื่อจนติดหู ติดตาประชาชน สามรถดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคสมัยสอง แม้แต่เพื่อนเกลอหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการปัดเศษออก แต่ที่สุดทำไม่ได้ ก็ต้องหยุด คงช่วยกันประคับประคองพลังประชารัฐ เดินหน้าต่อไป แม้ไม่ดื่มน้ำร่วมขันกันก็ตาม พลังประชารัฐวางหมากบนกระดาน การเลือกตั้งสมัยหน้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งมี ผู้กองธรรมนัสเป็นผู้เล่น จึงมีกระแสความไม่พอใจของ สส.สายใต้ ในพรรคเดียวกันก็ตาม แต่ผู้กองธรรมนัสก็ยังเดินเกมของตนต่อไป ไม่สนใจในท่าทีใครที่ไม่ต้องการเขา
ใน ขณะที่ยามนี้ ผู้กองธรรมนัส อยู่ในช่วงขาขึ้น จะยิ่งส่งแรงให้ถึงเป้าหมายโดยเร็ว เพราะ สส.พลังประชารัฐ 3 คน ถูกคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของสส. ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผู้กองธรรมนัสดูโดดเด่นขึ้นทันที
แม้แต่ สนามเลือกตั้ง กทม. ที่จะเกิดขึ้น ในเร็วๆนี้ พล ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่หันมาเล่นการบ้าน การเมืองถึงกับสะอึกเมื่อ ลงทุนสร้างคะแนนนิยม ต้องขอปลีกวิเวก ไม่ต่อยอดชิงผู้ว่ากทม. เพื่อหลีกทางให้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ลงต่อผู้ว่า กทม. แต่อาจเป็นเรื่องภายใน ที่สองคนคุยกันในเรื่องจัดสรรตำแหน่ง ในคณะผู้บริหาร กทม. อาจมีความเป็นไปได้ คุยกันไม่ลงตัว ใครอยู่ในตำแหน่งใด เพราะหาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้รับเลือก ก็จะเอาคนของตนมาร่วมงานในตำแหน่งต่างๆ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองก็เช่นกัน ก็จะเอาคนใกล้ชิด เข้ามาร่วมในคณะผู้บริหาร โดยเมินฝ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เพราะต่างมีผู้ผลักดัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง มีผู้กองธรรมนัส พล.ต.อ.จักรทิพย มีหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหนุนเช่นกัน ล้วนแต่สูตรแรงทั้งสิ้น ดังนั้นไม่ต้องมีใครดับเครื่องชน ต้องมีคนหนึ่งอยู่ คนหนึ่งไป ซึ่งตรงนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถอยดีกว่า เพราะรู้ว่าตนนั้นอ่อนภาษาการเมือง สู้ไป หมดราคา อดีต ผบ.ตร. ส่วนพลังประชารัฐจะหาบุคคลเลือกตั้งผู้ว่ากทม. นั่นเป็นหนังอีกม้วน ซึ่งต้องดูบุคคลที่เหมาะสม และดีพอ ที่คนกทม.เห็นชื่อแล้วไม่ร้อง ยี้ ยุทธศาสตร์เรียกคืนความหวัง คนกทม. จึงตกไปที่ผู้กองธรรมนัส เลขาธิการพรรค อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องสรรหาบุคคลมาทดแทนสิ่งที่ขาดในยามนี้ ดูเหมือนว่าพลังประชารัฐ ต้องพึ่งบารมีของผู้กองธรรมนัส ที่กำลังส่องสว่างแจ้งในปัจจุบัน แม้แต่ผู้นำรัฐยังล้มไม่ลง ยังส่องแรงสะท้อนให้โดดเด่นมากขึ้น หมากเกมนี้บนกระดาน มีคนหนึ่งเดินผิดเกม จนทำให้หมากทั้งกระดาน ส่งแรงให้ผู้ท้าชิง เพียงรอวันจบเกมเท่านั้น และเมื่อเลือกตั้งสมัยหน้ามาถึง วันนั้นคือตัวชี้วัด ใครอยู่ ใครไป แต่ที่แน่ๆ พลังประชารัฐจะแตกก่อนหรือไม่เพราะพลังประชารัฐอยู่ในกำมือของผู้กองธรรมนัสแล้ว อย่างเบ็ดเสร็จ แม้จะมีหัวหน้านั่งอยู่หัวโต๊ะก็ตาม แต่เป็นหัวหน้าที่อยู่ในใจ คงไม่มีราคาในสายตาประชาชน
พลังประชารัฐ ในยามปกติ และไม่ปกติ ล้วนเป็นเป้าสายตาของนักการเมืองต่างพรรค มาตั้งแต่เริ่มมี คสช. จนมาต่อยอดเป็นพลังประชารัฐ เพราะพลังประชารัฐ มีสส.หลายคนที่ไม่ประสีประสาการเมือง จนผู้กองธรรมนัส สร้างบรรทัดฐานและบทบาทใหม่ให้พลังประชารัฐ ในขณะที่มีรอบด่างและบาดแผล ของผู้กองธรรมนัสเอง รวมถึงผู้สนับสนุนต่อยอดให้ คสช. สืบทอดอำนาจจนถึงปัจจุบัน มันเป็นบาดแผลลึกที่ไม่มีใครชื่นชอบในวิธีคิด รวบอำนาจในคณะ 3ป. โดยมีพลังประชารัฐเป็นหัวหอกในสนามการเมืองปัจจุบัน ที่แอบซุกซนเผด็จการไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่กำลังแก้ไขในขณะนี้
โปร่ง พญาไม้