ตำรวจเพื่อประชาชน “ตำรวจน้ำดีอยู่ได้ ตำรวจน้ำเน่าต้องออก”

ตำรวจเพื่อประชาชน พ.ย.64
ตำรวจน้ำดีอยู่ได้ ตำรวจน้ำเน่าต้องออก

ข่าวคราวในแวดวงตำรวจ ออกมาบ่อยๆ เพราะ ผบ.ตร. เน้นย้ำนโยบายชัด ใครดี ใครไม่ดีว่าไปตามวิถี โดยเฉพาะที่ผ่านมา ตำรวจถูกไล่ออก ปลดออก กว่า 10 นาย กลายเป็นประชาชนเต็มขั้น เหลือไว้แต่อดีตเท่านั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เวรกรรม มีจริง

ในขณะที่ ตำรวจดีๆ จำนวนมาก พยายามกู้ภาพตำรวจให้ประชาชนเกิดศรัทธาและเชื่อมั่นในหน้าที่ ปกป้อง พิทักษ์สันติราษฎร์ สู่ประชาชน ตามคำปฏิญาณให้ไว้ก่อนจบจากโรงเรียนตำรวจ มาปฏิบัติหน้าที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คำปฏิญาณที่เคยลั่นไว้ในโสตประสาท หายไปกลายเป็นจริตโทสะ ความโลภ ความหลงในยศตำแหน่ง ไม่ยืนอยู่เหนือความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยมีอยู่ ต้องเป็นนายประชาชน

ในแต่ละปี มีตำรวจถูกไล่ออก ปลดออก จำนวนมาก เพราะไม่รักองค์กรตน ที่รับราชการในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ต้องการเห็นองค์กรตำรวจเป็นที่เชื่อถือของประชาชน แต่องค์กรตำรวจนั้น เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วประเทศ จำต้องมีทั้งพระเดช และพระคุณ ตำรวจดีส่งเสริมให้เจริญในหน้าที่การงาน ส่วนตำรวจนอกลู่ ว่ากันไปตามระเบียบวินัย ใครทำอะไรเกินกว่ากำหนด ต้องออกจากราชการไว้ก่อน เบื้องต้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบวินัย หากพบความผิดจริง ต้องจบชีวิตราชการตำรวจทุกราย ตำรวจบางรายผิดทั้งวินัยและอาญา ต้องถูกดำเนินการของศาลพิพากษาตาม ป.วิอาญา

สาเหตุ ต้องปฏิบัติเช่นนั้น เพราะมีสายตาของสื่อมวลชน และประชาชน จับจ้องว่าเล่นละครหลอกเจ้าหรือไม่ หากผิดเป็นถูก องค์การตำรวจนั่นแหละ จะได้รับการลดชั้นความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ผบ.ตร.จึงไม่อยากให้ตำรวจ นายใดกระทำความผิด ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะแต่อดีตที่ผ่านมา จวบจนถึงปัจจุบัน มีตำรวจประพฤติตนไม่เหมาะสมเกิดขึ้น จนประชาชนไม่เชื่อถือศรัทธา ตำรวจ ซึ่งในแต่ละยุคมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจากกรมตำรวจ มาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากอธิบดีกรมตำรวจมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บุคคลเปลี่ยน แต่แนวคิด บุคลล่างๆไม่เปลี่ยน แม้อบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ก็มีตำรวจบางนายยืนนอกแถวนั่นเพราะอุปนิสัยแต่ละคนแตกต่าง และมักอ้างข้อผิดพลาด ที่กระทำลงไป ทั้งที่เป็นประโยชน์ส่วนตน

เพราะตำรวจนั้น ไม่มีหน้าที่ตัดสิน ใครผิด ใครถูก มีหน้าที่รักษากฎหมาย ให้เป็นกฎหมายเท่านั้น แต่ก็มีตำรวจบางนายทำเกินกว่าเหตุ ตัวอย่างอดีต ผกก.โจ้และพวก กระทำเกินกว่าเหตุ จนกรรมติดจรวด ถูกแจ้งข้อหากระทำเกินกว่าเหตุ 9 ข้อหา นั่นคือแรงกรรมที่เกิดจากการกระทำความผิด จนผู้ต้องหาเสียชีวิตคาถุงดำ คงต้องชดใช้กรรมในเรือนจำไปอีกนาน และอาจเป็นตำนานของ สภ.เมืองนครสวรรค์และ สตช .

ผบ.ตร.คนปัจจุบัน เน้นย้ำเสมอ ไม่ทอดทิ้งตำรวจดี ปฏิบัติตน ในกรอบวินัย รักษาตน รักษาหน้าที่ เพื่อประชาชน ที่จะนอนหลับและเป็นสุข เพราะมีตำรวจคอยคุ้มกันความปลอดภัย อีกประการหนึ่ง ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่เพิ่มมากขึ้น จากหน้าที่หลัก คือการป้องกันอาชญากรรม ที่มาในรูปแบบแตกต่างจากเดิม ซึ่งต้องตามให้ทัน มิจฉาชีพในรูปแบบเทคโนโลยีสูง เช่นคดีฉ้อโกง เชิญชวนเล่นแชร์ จนตำรวจมีงานล้นมือ แต่ไม่วาย ต้องคอยควบคุมเหตุการณ์ชุมนุม ของผู้คิดต่างที่เกิดขึ้นเนืองๆในปัจจุบัน ขณะที่คดีอาชญากรรมเสมือนจะพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ กรอบกับปัญหาเชื้อไวรัสระบาด ผู้คนไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ จึงก่อเหตุอาชญากรรม อันเป็นการเพิ่มภาระให้ตำรวจอีกเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม มูลเหตุทั้งหลายที่เกิดขึ้น ไม่สามารถบั่นทอนตำรวจดีๆจำนวนมาก ที่อยู่ในกรอบให้สั่นคลอนตามไปด้วย เพราะมีนายดีคอยคุ้มภัย การดำเนินยุทธศาสตร์เอาน้ำดีไล่น้ำเสีย ออกจากถัง ก็จะไม่เน่าเหม็นทั้งหมด เพียงแต่ว่า สตช.ต้องแต่งเติม ขวัญกำลังใจให้ตำรวจดี ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เปิดโอกาสให้เติบโต ตามสายงาน มิใช่แต่งตั้งข้ามขั้น ปล่อยให้เลื่อนไหล แม้แต่ขั้นเงินเดือน ก็ควรปรับให้มีความเสมอภาคกันและกัน นั่นคือขวัญกำลังใจ เพื่อให้ตำรวจทุกนายทุ่มเททำงานในชีวิตข้าราชการตำรวจ ที่ผ่านมาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในระดับต่างๆ ไม่มีเสียงครหานินทาใดๆให้ประชาชนได้ยิน

ที่ผ่านมา การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ในระดับต่างๆ ไม่มีเสียงนินทา ครหาใดๆให้ประชาชนได้ยินในความไม่ชอบมา พากล ในการเลือกซื้อขายตำแหน่ง ที่เป็นทางเลือกสุดท้าย ตำรวจต้องแสดงศักยภาพความซื่อสัตย์สุจริต ให้ประชาชนได้เห็นความเป็นมืออาชีพ แต่ไหน แต่ไรมา ตำรวจนั่นแหละ มักมีการละเมิดกฎหมายเสียเอง จึงมีความเป็นไปได้ ทุกๆปี มีตำรวจถูกไล่ออก ปลดออก จำนวนมาก ดังเป็นข่าวบ่อยๆ นั่นเพราะบุคคลดังกล่าว ไม่สามรถทำตนเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ก็สมควรได้รับตราบาปนั้นแทนความดีงาม ที่ไม่เคยสะสมอะไรไว้ ได้ชื่นชม ยามบ่มีไก๊

อส.ตร.