พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดเผยเรื่องทรัพย์สินที่พระภิกษุได้มาระหว่างเป็นพระภิกษุ

จากกรณีศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ Facebook ส่วนตัว ระบุข้อความว่าทรัพย์สินที่พระภิกษุได้มาระหว่างเป็นพระภิกษุนั้นเป็นทรัพย์สินที่ศรัทธาญาติโยม ได้ถวายไว้แก่พระภิกษุ ในฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสน์ทรัพย์สินเหล่านั้น มิได้ถวายเป็นของส่วนตัวของพระภิกษุนั้น แต่ได้ถวายแด่พระภิกษุในฐานะเป็นตัวแทนพระพุทธศาสนา ดังนั้นจึงถือว่าทรัพย์สินเหล่านั้นมิใช่ของพระภิกษุ แต่เป็นของวัด เมื่อพระภิกษุรูปนั้นมรณภาพลงไปทรัพย์สินของ พส. ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมุณเพศ ต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณวัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับทาง พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่าถ้าเป็นตามกรรมวินัย ถ้าเกิดมรณะภาพ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของวัด ส่วนเงินที่ได้มาจากญาติโยมที่ให้ปัจจัยส่วนตัว ก็นำมาใช้ได้

จึงอยากให้ทุกคนที่มาทำบุญอยากแนะนำให้อย่าถวายปัจจัยส่วนตัว ที่วัดอื่นเป็นยังไงไม่รู้แต่ที่วัดส่วนแก้ว ตนก็ไม่มีบัญชีส่วนตัวถ้าใครมาถวายส่วนตัวก็จะนำไปทำเป็นประโยชน์ภายในวัด ให้ทุนการศึกษาเด็ก จ่ายค่าน้ำค่าไฟที่วัด เพราะส่วนตัวแล้วไม่ชอบและไม่อยากเป็นนักบวชเงินเดือน แต่ก็แล้วแต่คนจะคิด แล้วแต่คนจะละเว้น ถ้ามีการเอาทรัพย์สมบัติของวัดไปเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่ถูก บางครั้งญาติโยมก็เข้าบริจาคส่วนตัวบ้างและก็มีแยกให้วัด แล้วแต่คนจะงมงายแบบไหนมากว่า ส่วนเงินที่ได้มาส่วนตัว พระสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ซื้อของใช้ต่างๆ ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่ง บางที่ก็มีพระที่นำบัญชีส่วนตัว ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับว่ามีจิตสำนึก ตามข่าวที่เห็นว่ามหาไพรวัลย์ มีเงินหลายๆสิบล้าน พอข่าวออกไปก็กลัวว่าจะมีคนทำตามและเป็นต้นแบบในการกระทำสิ่งนี้ รู้สึกเสียดายที่นำเงินศาสนามาใช้ในทางที่ไม่ดี ถ้าลาสิขาไปแล้ว ก็สามารถใช้เงินได้แล้วแต่ตัวเรา ถ้าเงินไม่เยอะมาก เรื่องนี้ตนมองว่าพระมหาไพรวัลย์ทำพลาดที่ออกมาประกาศว่าจะสึก ทำให้เป็นกระแสในโซเชี่ยล ซึ่งยกตัวอย่างเช่นตนได้ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่า “ตนจะไม่มีวันสึก”ทำให้ญาติโยมเคารพ  ก็อยากให้คำแนะนำถ้าท่านไพวัลย์จะสึก หลังจากกลับมาแล้วก็ให้ใช้ชีวิตปกติ ไม่ติดหรู อยู่แพง เพราะมีหลายคนที่สึกมาก็เยอะแล้ว ก็จะเจอปัญหาเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน จึงอยากฝากเตือนในโซเชี่ยลว่า อย่ามาบูลี่เรื่องที่สึก เพราะบางคนก็มีเหตุผลส่วนตัว

ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตามประมวลกฏหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา 1623 ,1624 จะระบุไว้แค่กรณีที่พระภิกษุมรณภาพ ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาจากการอุปสมบทจะตกเป็นของวัดแต่กฎหมายไม่ได้บอกว่าถ้าสึกมาก่อนแล้วจะต้องตกเป็นของวัดกฎหมายไม่มีเขียนโดยหลักการทำงานหรือหลักปฏิบัติแล้วถ้าพระสึกทรัพย์สินนอกจากตัวกุฏิที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยตนพูดได้เพราะตนเคยเป็นลูกศิษย์วัดกินข้าววัดมาก่อน พระที่สึกสึกเงินทองของวัดค่าเข้าไป ไม่ได้ตกเป็นของรัฐแต่อย่างใด