กลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม จัดงานประชุมเสวนาเรื่อง “ทางออกของชาติ ประชาธิปไตย หรือ รัฐธรรมนูญ” เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ

วันที่ 10 ธันวาคม 2564 ณ โรงแรมปิคนิค กรุงเทพมหานคร   คุณณัฏฐพัชร ภูมิทิพรัตน์ ประธานกลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม จัดงานประชุมเสวนาเรื่อง “ทางออกของชาติ ประชาธิปไตย หรือ รัฐธรรมนูญ” เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ  โดยมีอาจารย์ปนิธิ ศิริเขต อดีตอาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา คุณสมพร มุสิกะ เลขาธิการสภากรรมกรแห่งชาติ ท่านวิทยากร นักวิชาการ พี่น้องสื่อมวลชน คณะผู้จัดการประชุม ผู้ดําเนิน รายการ นางณัฏฐพัชร ภูมิทิพรัตน์ ประธานกลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม ได้กล่าวเปิดงานและกล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานเสวนา และได้กล่าวในที่ประชุมดังนี้  ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพค่ะ ประเทศไทยนับจากวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ที่คณะราษฎรได้ทําการปฏิวัติระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพระมหากษัตริย์ และมาใช้ระบอบใหม่ ที่คณะราษฎรได้เป็นผู้สร้าง “รัฐธรรมนูญ” ขึ้นมา จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 89 ปี แล้ว ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาทางการเมือง เช่น การต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ถึงที่ประชาชนเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ จากผู้ปกครองประเทศมาโดย ตลอด จนเกิดเหตุการณ์ 16 ตุลาคม 2516 9 ตุลาคม 2519 พฤษภาทมิฬ 17 พฤกษภาคม 2535 การ รัฐประหาร 2549 การสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง 2553 จนเกิดการเผาบ้านเผาเมือง และ การขอพื้นที่ คืนของทหารในปี 2556 มีประชาชนล้มตาย เสียชีวิต ทรัพย์สินของชาติถูกทําลายเสียหายมหาศาล ตลอดจนเกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติเรื่อยมา เพราะเราไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตย เราจึงได้ แต่รัฐธรรมนูญใหม่ๆ มาโดยตลอด

ปัจจุบันประชาชนคนไทยยังคงต้องพบกับสถานการณ์เรียกร้อง ขอความเป็นประเทศประชาธิปไตย จากระบอบการปกครองที่อยู่ภายใต้การบริหารของคณะใดคณะหนึ่ง โดยประชาชนคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษาได้ก่อตัวขึ้น และเรียกตนเองว่าเป็นกลุ่มประชาชนปลดแอก หรือ กลุ่มราษฎร 63 ได้ออกมา เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และได้ลุกลามโจมตีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รัก และเทิดทูนของประชาชน เพื่อมุ่งหมายล้มล้างสถาบันมหากษัตริย์ ตามความต้องการของกลุ่มคนที่ไม่หวัง ดีต่อประเทศชาติ หรือกลุ่มคนที่ต้องการชิงความเป็นผู้ปกครองกลุ่มใหม่ โดยในการเรียกร้องดังกล่าว ที่ผ่านมา เป็นเพียงการแก้ไขข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญเท่านั้น ประเทศไทยจึงเป็นประเทศ ที่มีรัฐธรรมนูญ ถึง 20 ฉบับ และก็ยังคงวนเวียนกันอยู่ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนักการเมืองทั้งหลาย นับว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ท่านทั้งหลาย ได้มาร่วมกัน ช่วยกัน ระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ประวัติศาสตร์ของการปกครองประเทศ ให้ความรู้และความเข้าใจ หาสาเหตุของปัญหา อย่างรอบด้านของการเมือง สังคม และเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยรวม ให้เข้าใจ และ รู้หลักวิชาที่ถูกต้องตามขนมธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาติ และร่วม เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและส่วนรวม และเป็นหลักนํา ให้แก่ลูกหลานของเราต่อไปภายหน้าในอนาคต จะได้มีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องว่า ปัญหา ทั้งหลายเหล่านั้น จะแก้ไขได้ คือ เราต้องมาร่วมกันสร้างประชาธิปไตย หรือ มัวแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลอดจนผลักดันให้ประชาชนทุกๆ คน ในบ้านเมืองของเรามีจิตสํานึกที่ดีในการช่วยเหลือ พึ่งพา สนับสนุน ส่งเสริม นําพาประเทศชาติกลับสู่ความสงบสุข ปรองดอง สามัคคี และจะนํามาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ศิวิไลซ์ ไพบูลย์ มั่นคงของประชาชนชาวไทยตลอดไป บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว ดิฉันขอเปิดการประชุม เรื่อง “ทางออกของชาติ ประชาธิปไตย หรือ รัฐธรรมนูญ” และขอให้การประชุมครั้งนี้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ทุกประการ ขอบพระคุณคะ โดยรายละเอียดของการเสวนา สามารถรับชมได้จากคลิป

กลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม จัดงานประชุมเสวนาเรื่อง “ทางออกของชาติ ประชาธิปไตย หรือ รัฐธรรมนูญ ช่วงที่ 1 โดยมีอาจารย์ปนิธิ ศิริเขต อดีตอาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

กลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม จัดเสวนา วันรัฐธรรมนูญ ช่วงที่ 2

หลังจบการเสวนา ณัฏฐพัชร ภูมิทิพรัตน์ ประธานกลุ่มพลังใจแผ่นดินสยาม กล่าวขอบคุณผู้มีเกียรติ ดิฉันขอกล่าวขอบคุณ อาจารย์ปนิธิ ศิริเขต อดีตอาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย บูรพา คุณสมพร มุสิกะ เลขาธิการสภากรรมกรแห่งชาติ รวมทั้งผู้มีเกียรติที่มาประชุมร่วมกันในวันนี้ ดิฉัน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคําบรรยายของท่าน อาจารย์ปนิธิ ศิริเขต กล่าวถึงประเด็นสําคัญว่าด้วย การทําให้พวกเราได้สามารถทราบถึงเนื้อหา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาในการปกครองของ ประเทศชาติได้ โดย ต้องนํา นโยบาย 66/23 ที่ได้จัดทําขึ้นในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มา ดําเนินการในขั้นตอนต่อไป คือ การสร้างประชาธิปไตย นั้น คือ ทางออกของชาติ แผ่นดินสยามนี้ เป็นแผ่นดินที่มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ดีงาม และมีเอกราชมาอย่างยาวนาน เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นผู้ป้องกันราชอาณาจักรให้ปลอดภัยและทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมไทย สืบเนื่องตลอดมา พระมหากษัตริย์ที่สืบต่อกันมาทุกพระองค์ ทรงมีพระบารมีที่เปี่ยมล้นไปด้วยทศพิศ ราชธรรม ถือเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ จนสุดจะพรรณนาได้ ขอบคุณคณะผู้ดําเนินการ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน อีกครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดประชุมใน ครั้งนี้ จะเป็นแนวทางที่นําไปสู่ การเข้าใจตามครรลองของชาติที่ถูกต้อง ผู้เข้าร่วมประชุมจะร่วมการ สนับสนุน และนําไปปฏิบัติ เพื่อให้ประเทศชาติของเรา ก้าวหน้าไปสู่ระบอบการปกครองที่เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยสันติ ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เพื่อนําพา ประเทศชาติกลับสู่ความสงบสุข ความปรองดอง สามัคคี ซึ่งจะเป็นตัวอย่างในการสร้างสันติภาพอย่างสันติ โดยแท้ และจะนําความเจริญรุ่งเรือง มั่นคงบนแผ่นดินสยามต่อไป สุดท้ายนี้ขออํานวยพรให้ทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญและเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ