นนทบุรี รวบแล้วคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ตีหัวสาวทอมสลบ สารภาพนำเงินเที่ยว
1 min readจากกรณีเมื่อวันที่ 10 ม.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกเข้ามางัดห้องภายในเรวดีคอนโดมิเนียม ซอยเรวดี 6 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พบเจ้าของห้องเช่า ชื่อ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนางสาว บี ( นามสมมุติ เป็นทอม ) อายุ 45 ปี ที่ถูกคนร้ายบุกเข้ามาในห้องเพื่อจะลักทรัพย์ จังหวะที่นางสาวบีกลับมาจากทำธุระพอดี พบว่ากุญแจห้องถูกคีมตัดขาดพอจะเปิดประตูถูกคนร้ายเป็นชายอายุ 30-35 ปี ที่กำลังรื้อค้นทรัพย์สินอยู่ภายในห้องดึงตัวเข้าไปในห้องจากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธตีที่หัวและที่ปากนางสาวบีจนได้รับบาดเจ็บและหมดสติก่อนหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สินแหวนทองหนัก 1 สลึง
จนกระทั่งมีเหยื่อรายที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ หญิงสาวอายุ 25 ปี ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ร้องเรียนผู้สื่อข่าว และเปิดเผยเรื่องราว โดยนางสาวจอย( ขอเบอร์หน้า) อายุ 25 ปี ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากที่ตนเห็นข่าวคนร้ายงัดห้องทำร้ายสาวทอมจนสลบ ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะรูปลักษณ์คนร้ายใกล้เคียงกันกับของตน แทบจะเป็นคนๆเดียวกันเลย แต่ในกรณีของตนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สูญทรัพย์สินเป็นทองคำ สร้อย แหวน รวมๆแล้ว 4 บาท 75 สตางค์ และเงินสดอีก 10,000 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 150,000 บาท ตนเห็นข่าวและคลิปน่าจะเป็นคนเดียวกัน โดย คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 64 ประมาณ 9 โมงเช้า ตนแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองนนทบุรี แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าเลย เจ้าหน้าที่มาเก็บร่องรอยลายนิ้วมือคนร้ายไปแล้ว ตอนนี้ตนเองได้ย้ายห้องเช่าจากที่เดิมมาอยู่ที่ใหม่แล้ว เพราะยังกลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาก่อเหตุอีก อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งคดีให้หน่อยเพราะผู้เสียหายตอนนี้เท่าที่ทราบมีอีกหลายคนที่ถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์ ส่วนเคสล่าสุดโดนทำร้ายก็เจ็บหนักอยู่ ถ้าจับไม่ได้เขาก็ไปก่อเหตุที่อื่นต่อ ที่ย้ายมาเช่าที่ใหม่เพราะตนไม่สบายใจกลับไปเห็นอะไรเดิมๆมันยังสะเทือนใจอยู่ และกลัวด้วยอยากฝากถึงคนร้ายว่าถ้าคิดได้ก็ขอให้มอบตัว และมารับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะไปทำร้ายเขาแล้วยังลักทรัพย์อีกมันไม่โอเค มันอันตรายทุกคนที่อยู่ อพาร์ทเม้นท์ หอพักห้องเช่า ก็หวาดกลัวกันไปหมด มันน่ากลัวนะในกรณีแบบนี้ โชคดีที่ตนไม่อยู่ห้องในวันนั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นที่หนักหนามากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวพบว่ามีผู้เสียหายอีก 3 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ถูกบุกเข้างัดห้อง 3 ห้องรวดภายในหอพักแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่สภ. เมืองนทบุรี เช่นเดียวกับเหยื่อรายที่ 1 และรายที่ 2 ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบพบนาง น้อย อายุ 60 ปีเจ้าของหอพัก แบ่งให้เช่า ซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพัก 17 ห้อง โดยนางสาวน้อยเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เห็นภาพคนร้ายที่ออกไปตามสื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ตอนนั้นก็ตกใจมาก เพราะว่าคนร้ายรายนี้ แน่ใจเลยว่าเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอนที่เข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์งัดห้องพักภายในหอพักของตนเองจำนวน 3 ห้องติดกันรวดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปมาก มีเพียงห้องหมายเลข 1 ที่คนร้ายได้หูฟังไปมูลค่า 600 บาท โดยในวันนั้นตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองนนทบุรี ไว้แล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 02.00 น วันที่ 18 มกราคม 65 ที่ สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณทิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท. วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ รองผู้กำกับการ สส.สภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกันจับกุมตัวนายชัย เนินขุนทด อายุ 39 ปี ที่อยู่แขวงสะหวันเขต เมืองสะหวันเขต ตามหมายจับ ของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 25/2565 ลงวันที่ 17 มกราคม 2565 พร้อมของกลาง 1 รองเท้ายี่ห้อ Adidas สีดำคาดขาวจำนวน 1 คู่ 2 ไขควงยาวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 1 อัน 3 คีมจำนวน 1 ตัว 4 นาฬิกายี่ห้อ Casio จำนวน 1 เรือน 5 เรทข้อมือจำนวน 1 อัน
โดยจับกุมตัวได้ขณะเดินอยู่ริมทางแถวย่านถนนพหลโยธิน 34/2 แขวงเสนานิคมเขตจตุจักร กทม. โดยกล่าวหาว่า 1 ชิงทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือ ทรัพย์นั้นและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย 2 เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือจิตใจ ในตัวไม่พบหลักฐานเอกสารใดๆ
นายชัย ให้การว่า ตนงัดห้องของผู้เสียหายและเอาเงินเขามา คนที่โดนตนทำร้ายตนไม่ได้เอาอะไรมาเลย วันนั้นตนงัดห้องเข้าไปและเขาเข้ามาพอดี เลยดึงเข้าไปในห้องแล้วตบต่อยอย่างละครั้งและเขาล้มไปหัวกระแทกพื้น หลังจากนั้นได้นั่งแท็กซี่ไปลงที่พระราม 5 นำเงินที่ได้ไปเที่ยวกินเหล้า เที่ยวตามร้านอาหาร ตนโสดไม่มีครอบครัว เงินที่ได้มาทุกครั้งตนนำไปเที่ยวหมด อยากขอโทษผู้เสียหายจากใจไม่ได้ตั้งใจทำร้าย เคยก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ตนตกงานไม่มีเงินกลับบ้านเคยไปสมัครงานแล้วเขาไม่รับ ครั้งแรกตนก่อเหตุที่วัดกำแพง ได้เงินไปทั้งหมดแสนกว่าบาท เอาสร้อยไปขายได้ 80,000 บาท ครั้งที่ 2 ตนจำไม่ได้ว่าก่อเหตุที่ไหนแต่ไม่ได้อะไรเลย ครั้งที่ 3 ล่าสุดที่ตนไปทำร้ายเขาไว้
เบื้องต้น ได้นำตัว ผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง ดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป