เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม ประสาน พม.นครปฐม ลงพื้นที่ช่วยเหลือลุงสำเริง วัย 71 ปี ใช้ชีวิตเดียวดายริมถนนนาน 7 ปี
1 min readเสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม ประสานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นครปฐม ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ ประสานความช่วยเหลือคุณตาสำเริง พ่อเฒ่าวัย 73 ปี ชาวตำบลสระกระเทียม ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ อาศัยเพลิงริมถนนในชุมชนใช้ชีวิตลำพังหลังลูกเมียแยกย้ายไปตั้งหลักชีวิตหมดแล้ว โดยอาศัยข้าวสาร อาหารจากชาวบ้านที่หามาให้นานหลายปี วันนี้เริ่มป่วยหนักรอเพียงวันหมดลมหายใจกับชีวิตที่ไม่เหลือความหวังอีกแล้ว
เรื่องราวดังกล่าว พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐมพร้อมด้วยคณะทำงานและกลุ่มเพื่อนเสธ.แก้ว ได้มีการหาข้อมูลและสำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม หลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนหลายอาชีพในพื้นที่ได้ประสบปัญหาอย่างหนัก โดยพบว่ากลุ่มผู้ยากไร้ ซึ่งมีความเดือดร้อนอยู่แล้วได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งยังมีการต้องการความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆจากหน่วยงานรัฐในช่วงวิกฤติของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นมากว่า 3 ปี
พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐม เผยว่า หลังจากได้มีการประสานงานกันของคณะทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม ซึ่งตอนนี้ได้มีกลุ่มคนใจบุญที่ขออาสาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในนามกลุ่มเพื่อนเสธ.แก้ว จึงได้เริ่มลงพื้นที่ ไปพบกับ นายสำเริง ใจอารีย์ หรือคุณตาสำเริง อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.8 ตำบลสระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม เนื่องจากมีข้อมูลว่ากำลังมีการอาการป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบและมีอาการที่เพิ่มขึ้นโดยอาศัยเพลิงริมถนนที่ชาวบ้านได้ให้ใช้ที่ดินปลูกเป็นที่พัก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ข้าวปลาอาหารก็มีผู้นำชุมชนและเพื่อนบ้านวนเวียนมาให้เป็นระยะซึ่งมีความยากลำบากในชีวิตเพราะเดินไม่ไหวต้องอาศัยไม้เท้าค้ำยันและขี่รถจักรยานสามล้อแบบมือโยกไปหาหมอหรือเข้าห้องน้ำในพื้นที่
เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม กล่าวว่า เบื้องต้นเราได้นำข้าวสารอาหารแห้ง มามอบให้คุณตาสำเริงเพื่อใช้ยังชีพ และทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม และกลุ่มเพื่อนเสธ.แก้ว ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งสำหรับให้ไว้เพื่อการเดินทางไปหาหมอและใช้ซื้อของที่จำเป็น อีกส่วนเรื่องสุขภาพก็ได้ประสานผู้นำชุมชน ให้ช่วยเข้ามาดูแลและรายงานผลให้ทราบเพื่อการช่วยเหลือในระยะยาว และในสถานการณ์ปัจจุบันยังพบว่ายังมีพี่น้องประชาชนที่ยังห่วงใยดูแลกันในยามที่ใครบางคนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งถือว่าสังคมของเรายังคงมีมิตรไมตรีและน้ำใจต่อกัน ซึ่งจากนี้ก็จะเดินหน้าลงพื้นที่พบกับชาวบ้านที่เดือดร้อนในทุกเรื่องเพื่อนำข้อมูลมาหาทางช่วยเหลือให้สุดกำลังความสามารถทั้งในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนและในฐานลูกนครปฐมคนหนึ่งด้วย
นายสำเริง หรือคุณตาสำเริง อายุ 73 ปี เล่าว่า เดิมทีตนเองเป็นลูกของคนที่มีอันจะกินแต่พ่อเล่นพนันจนหมดตัว ที่ดินที่มีอยู่ก็ขายไปหมด ตนเองก็เริ่มออกไปทำงานเป็นชาวนาและรับจ้างก่อสร้างและรับจ้างทุกรูปแบบตั้งแต่สมัยหนุ่มซึ่งเคยมีภรรยาและลูกๆ 3 คน แต่ช่วงระยะที่แก่ชราได้เป็นคนงานอยู่ในพื้นที่ กระทั่งเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่กำลังตัดหญ้าได้เกิดหน้ามิดล้มลง และมาทราบว่าเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ โดยยกแขนขวาไม่ได้ เรี่ยวแรงก็หมดไม่ค่อยไหวเพราะเริ่มชรามากขึ้น
“เมื่อ 3 ปีก่อนผมอยู่ที่บ้านนายจ้างแต่ผมป่วยหนัก เขาก็ไล่ออกมาจากที่พักเพราะกลัวจะไปนอนตายที่ทำงานเขา ผมก็ได้เพื่อนบ้านให้ที่ดินอาศัยอยู่ ทุกวันนี้ข้าวปลาอาหารก็ได้มีคนเอามาให้ ผมก็ใช้ชีวิตไปวันๆ รอให้หมดลมหายใจ หลังจากผมป่วยลูกเมียก็ไปจากผมหมด ทุกวันนี้ก็อยู่คนเดียว เมื่อก่อนยังพอเดินไหว แต่ตอนนี้เดินไม่กี่ก้าวก็จะเป็นลม ถามว่าท้อมั้ยผมก็ท้อแต่ก็ยอมก้อมหน้ารับกรรม เพราะเราใช้ชีวิตอนหนุ่มมาเยอะ ถึงตอนนี้ก็โทษใครไม่ได้ เงินไม่มีใครเขาก็ไม่สนใจ คำดูถูกก็มีเยอะผมถึงเก็บตัวไม่ยุ่งกับใครมากนัก วันนี้ดีใจที่ ส.ส. เข้ามาเยี่ยม มาดูแลก็ทำให้ผมมีกำลังใจในชีวิตที่เหลือก็ขอขอบคุณมาก ๆ ที่ไม่ลืมคนจนคนพิการ” คุณตาสำเริง กล่าว
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม