สุรินทร์ สาธุ..หลวงพ่อ มอบโรงสีข้าวให้กับชุมชนเพื่อพัฒนาต่อยอดวิสาหกิจชุมชน จากผลสำเร็จของธนาคารวัวสู่การดำเนินการเป็นวิสาหกิจชุม
1 min readวันนี้ 1 กุมภาพันธ์ 65 ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนบ้านสังแก ต.แตล อ.ศีขรภูมิ จ สุรินทร์ ชาวบ้านร่วมกันประกอบพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสได้รับมอบเครื่องสีข้าวขนาด 3.5 แรง ซึ่งได้รับสนับสนุนโดยพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ “พระพรหมเวที” เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้นำไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วิสาหกิจของกลุ่มให้ขยายต่อยอดต่อไป เริ่มต้นก้าวแรกของการปลูกฝังให้ชาวนาไทย หันมาสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารนำออกถึงมือผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะการผลิตข้าวสารบรรจุถุงศูนย์ยากาศออกจำหน่าย ทั้งจำหน่ายโดยตรงและทางออนไลน์ สร้างความดีใจให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป็นอย่างมาก โดยได้นิมนต์พระมหาเจริญสุข คุณวีโร รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ฝ่ายมหานิกาย เจิมแป้งและประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมเปิดเดินเครื่องสีข้าวชุมชนเป็นปฐมฤกษ์อีกด้วย
รศ.ดร.วาสนา แก้วหล้า ผู้ประสานงานโครงการฯ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานบริการวิชาการรับใช้สังคม ของ อาจารย์ในระดับอุดมศึกษา ที่มีการออกทำงานพัฒนาในชุมชน โดยเฉพาะสังคมชนบท ซึ่งหมู่บ้านนี้เป็น 1 ในหมู่บ้านรักษาศีล 5 มีสัมมาชีพและมีความวิริยะอุตสาหะรวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อเลี้ยงวัว โดย ธนาคารวัวหลวงพ่อแดง นันทิโย ดร. (พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ) เจ้าอาวาสวัดอินทาราม และประธานมูลนิธิวัดอินทารามอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยเริ่มต้นมีสมาชิก 9 ครัวเรือน และได้วัวที่ได้รับการไถ่ชีวิตมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อปี 2563 เป็นเพศผู้และเพศเมีย ครัวเรือนละ 1 คู่ ซึ่งจังหวัดสุรินทร์มีกลุ่มธนาคารวัวหลวงพ่อแดง ตั้งแต่ปี 2560จนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 33 กลุ่ม ส่งเสริมให้เลี้ยงขยายพันธุ์วัวที่ได้รับการไถ่ชีวิตจากพุทธศาสนิกชนและหลวงพ่อแดงเอง ได้รับผลประสบผลสำเร็จ หญ้าเนเปียร์ กล้วย และปลูกพืชแบบเกษตรผสมผสานไว้รับประทานในครัวเรือน รวมทั้งต้องรับฟังข้อมูลและทำความเข้าใจในแนวคิดและอุดมการณ์ของกลุ่มธนาคารวัว รวมทั้งมีโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ควบคู่ในพื้นที่ไปด้วย มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน ยังเกิดการสร้างความสามัคคีในชุมชนและความร่วมแรงของพลังบวร เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนอย่างมีทิศทางในการพัฒนาด้านอื่นๆ ต่อไปอีกด้วย
ปัจจุบันซึ่งไม่ว่าจะในจังหวัดหรือภูมิภาคต่างๆของประเทศไทยลงมาสู่ระดับหมู่บ้านต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โครงการช่วยเหลือชาวนาลดเลิกการใช้ปุ๋ยเคมีให้หันกลับมารักษาและฟื้นฟูสภาพดินจึงมีโครงการสนับสนุนช่วยเหลือและเป็นพี่เลี้ยงไม่ว่าจะทางวิชาการและการลงมือทำงานต่างๆจึงสำเร็จได้ในชุมชนด้วยหลักการทำงานมีการทำงานเป็นทีมมีการลงมือคิดแล้วทำมีการระดมทุนก็คือความสามัคคีเป็นทุนภายในและ ใช้เทคโนโลยีดังนั้นผลงานการรับใช้สังคมจึงมีการขยายต่อยอดจากการจัดโครงการธนาคารวัวระยะที่สองจึงเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนจึงเริ่มต้นที่การส่งมอบโรงสีข้าวเพื่อชาวนาในการสร้างผลิตภัณฑ์สีข้าวสารบรรจุถุงศูนย์ยากาศจำหน่ายและขยายต่อยอดจะได้ส่วนที่เป็นปลายข้าวรำอ่อนนำไปเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งการยกระดับผลิตภัณฑ์ครัวเรือนได้แก่การเลี้ยงไหมและสรน้างผลิตภัณฑ์จากไหมออกจำหน่าย ในนามของวิสาหกิจชุมชน อีกด้วย
ซึ่งวิสาหกิจชุมชนบ้านสังแก ได้รับมอบเครื่องสีข้าว ขนาด 3.5 แรงนี้ไว้ประจำชุมชนเพื่อใช้ในการสีข้าวของชุมชนและจำหน่ายโดยชุมชน ซึ่งเป็นการได้รับการสนับสนุนจากพระพรหมเวทีเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ในการสนับสนุนเครื่องสีข้าว ในการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป