นนทบุรี ผู้การนนท์แจงกรณีตำรวจทำร้ายพ่อค้าแขนหักพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
1 min readเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ก.พ. 65 พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บันฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมด้วย รองผกก.ป.สวป.สภ.เมืองนนทบุรี เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพื่อรายงานและชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับ พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรีพร้อมเอกสารใบแถลงการณ์กรณีสื่อมวลชนได้แพร่ภาพ-เสนอข่าว นายสหรัช ยิ่งตระกูล ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง นายเกียรติคุณ ต้นยาง (หนายโป้ง) ชมรมทนายความจิตอาสา ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี 6 นาย ตบและล็อกแขน-คอ จับกุมจนแขนซ้ายหัก โดยแจ้งข้อหาชัดคำสั่งเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตากฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งที่ไม่ได้ต่อสู้หรือหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดนั้น
สภ.เมืองนนทบุรี ขอสรุปพฤติการณ์และข้อเท็จจริงดังนี้
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 00.01น. เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบมาถึงบริเวณริมทางสธารณะถนนพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้พบเห็น นายสหรัช ยิ่งตระกูล อายุ 28 ปี (ทราบชื่อภายหลัง ได้ซับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนต้า รุ่นเวฟ100 ไอ สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นเหตุ
ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจคัน โดยผลกรตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อได้ตรวจสอบใต้เบาะ พบแผ่นป้ายทะเบียนและเอกสารเล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่แสดงชื่อนายณัฐวุฒิ ยิ่งตระกูล เป็นผู้ครอบครอง เมื่อสอบถามชื่อผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ นายสหรัชฯก็ตอบไม่ใด้ว่าเป็นผู้ใด และเมื่อสอบถามชื่อของเจ้าตัว(นายสหรัชฯ) ก็ไม่ยอมบอกชื่อสกุล เมื่อแจ้งให้นายสหรัชฯ แสดงบัตรประจำตัวประชาชน นายสหรัซฯก็ไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ อันเป็นเหตุครรสงสัยว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวอาจได้มาจากการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ซึ่งในขณะที่กำลังเขียนบันทึกยึดรถอยู่นั้น นายสหรัชฯ ไม่ยินยอมให้เขียนบันทึกตรวจยึด และได้พยายามจะคร่อมรถ โดยก้าวขาขวาขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วใช้มือขวาจับที่กุญแจรถจักรยานยนต์เพื่อจะสตาร์ทรถหลบหนี อันเป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการล็อคตัวนายสหรัชฯ ตามยุทธวิธีโดยการล็อคแขนและคอนายสหรัช ลงมาจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งในขณะนั้นนายสหรัชฯ ไม่ใด้ให้ความร่วมมือและทำการต่อสู้ขัดขวางเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเขียนบันทึกยึดรถและจับกุมตัว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการล็อคตัวนายสหรัชฯ เจ้าหน้าที่ได้มีการใช้กำลังในการควบคุมตัวนายสหรัชฯ เนื่องจากนายสหรัชฯ ไม่ยินยอมให้ทำการจับกุม และต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้นายสหรัชฯ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนซ้าย(แขนหัก) เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งกู้ภัยเพื่อนำตัวนายสหรัชฯ ไปรักษาตัวที่ รพ.พระนั่งเกล้า ในทันทีและได้อายัดตัวและจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำบันทึกจับกุมและยึตรถจักรยานยนต์มาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำบันทึกภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดแบบติดหน้าอกนำส่งพนักงานสอบสวนไว้แล้วส่วนหนึ่ง และต่อมา พนักงานสอบสวนได้สอบสวนและสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลแขวง จ.นนทบุรี นายสหรัชฯ (จำเลย) ให้การรับสารภาพตลอดช้อกล่าวหา ศาลมีคำพิพากษาโทษจำคุกรอลงอาญา และมีโทษปรับเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท
โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา คือ
1.นำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง
2.ไม่แสดงบัตรเมื่อเจ้าพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ
3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ในขณะปฏิบัติหน้าที่
4.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่
โดยมีการชี้แจงรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับทางผู้บังคับบัญชาได้ทราบใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น ทาง พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางตำรวจเราพร้อมให้สื่อมวลชนร่วมตรวจสอบ โดย ในเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากมาตรการป้องปรามคดีของทางตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีซึ่งในเวลากลางคืนยามวิกาลจะมีกลุ่มคนร้ายที่คอยใช้โอกาสกลางคืนเช่นรถจยยโดยเฉพาะที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเพื่อให้ทราบว่าเป็นผู้ใด ในเรื่องของมาตรการป้องปรามปราบปรามเราจะมีชุดของตำรวจที่ออกตรวจสอบกลุ่มคนและรถต้องสงสัยโดยเราทำเช่นนี้ตลอดมาเรื่องนี้ทางผู้กำกับได้มารายงานให้ทราบในเรื่องของผู้ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีโดยตนเองยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมหากเขาได้รับความเสียหายเช่นไรก็ให้การกับพนักงานสอบสวนไปตนก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงโดยจะให้รองผู้บังคับการฝ่ายปราบปรามดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ใครทำผิดใครทำถูกก็ต้องถูกดำเนินการไม่มีการยกเว้น ฝ่ายที่ถูกจับกุมและได้รับความเสียหายหากคิดว่าจะไปแจ้งความอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เรายืนยันตำรวจทำตามหน้าที่และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย