นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ
1 min readวันนี้ (25 ธันวาคม 2562) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งและเยี่ยมชมการดำเนินงานในไร่อ้อยสมัยใหม่เพื่อลดปัญหาการเผาอ้อย ซึ่งจะนำไปสู่การลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่บริเวณคลองเทา บ้านหนองแหน ต.หนองไผ่ ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ เยี่ยมชมการขุดลอกคูคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดชัยภูมิได้มีการบูรณาการ การทำงานระหว่างเทศบาลเมืองชัยภูมิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานชลประทานจังหวัดชัยภูมิ กับองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 4 แห่ง ที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมต่อกัน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล โพนทอง องค์การบริหารส่วนตำบลบุ่งคล้า องค์การบริหารส่วนตำบลกุดตุ้ม และ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ โดยลงนามความร่วมมือ( MOU) พัฒนาลำคลองในเขตที่เส้นทางน้ำเชื่อมต่อกัน โดยให้เทศบาลเมืองชัยภูมิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานชลประทานจังหวัดชัยภูมิ นำเครื่องจักรกลเข้าขุดลอกแล้วให้องค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งผลการดำเนินงานในระยะที่ 1 สามารถ ขุดลอกให้เป็นคลองได้ความยาว 21.8 กิโลเมตร ใช้งบเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณเพียง 1.3 ล้านบาท ซึ่งถ้าหาก ขุดลอกโดยวิธีการจ้างเหมาต้องใช้งบประมาณถึง 8-9 ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณทางราชการได้ 80 เปอร์เซ็นต์ หลังจากโครงการนี้แล้ว ยังมีแผนจะขุดลอกต่อไปในระยะที่ 2 อีกประมาณ 20 กิโลเมตร
ประโยชน์จากโครงการที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนจากการที่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร และน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นนั้น จังหวัดชัยภูมิประสบปัญหาฝนแล้งอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ (2562) มีปริมาณฝนเพียง 774 มม. ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1,137 มม. ทำให้ปัจจุบันมี 40 หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำและ500 หมู่บ้านที่เสี่ยงกับการขาดแคลนน้ำ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 33 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด 1,620 หมู่บ้าน จังหวัดชัยภูมิได้พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชนช่วยเหลือตนเอง เช่น การสร้างฝายมีชีวิต จำนวน 1,546 ฝาย กระจายทั้ง16 อำเภอ ส่วนหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุน และวางระบบโครงข่ายการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาว
จากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปที่ไร่กุดจอก ตำบลโคกสะอาด ในเขตอำเภอภูเขียว เพื่อติดตามการแปลงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ ไปสู่การปฏิบัติที่ ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 กำหนดให้จังหวัดชัยภูมิ เป็น 1 ใน 5 จังหวัดต้นแบบที่รัฐบาลต้องการลดการเผาอ้อยร้อยเปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2566 ดังนั้นจังหวัดชัยภูมิจึงได้ร่วมดำเนินการกับภาคเอกชนคือโรงงานน้ำตาลมิตรภูเขียว โดยส่งเสริมให้เกษตรผู้ปลูกอ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการขายอ้อยสดให้กับทางโรงงาน นอกจากนี้ โรงงานยังรับซื้อใบอ้อย มาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้โรงงานแห่งนี้มีปริมาณอ้อยสดเข้าสู่โรงงานมากที่สุดของประเทศซึ่งนำไปสู่การช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาวัสดุการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านภูดิน ต.โคกสะอาด อ.ภูเขียว ซึ่ง โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 2 ที่มีโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา หรือ Partnership School ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน คือกลุ่มมิตรผล ได้เข้าไปร่วมพัฒนาโรงเรียน พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ เพื่อวางรากฐานการศึกษาแก่ลูกหลานเกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่รวมถึงลูกหลานคนในชุมชนให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ อันเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมการเรียนการสอนลักษณะการเรียนรู้จากการปฏิบัติ หรือActive Learning เยี่ยมนิทรรศการพัฒนาทักษะอาชีพ ได้แก่ การทำน้ำอ้อยคั้นสด การจับจีบผ้า และการทำมาลัยมะกรูดใบเตย เยี่ยมชมการสาธิตการบังคับหุ่นยนต์ โดยเด็กพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการเขียนโปรแกรม ด้วย
ภาพ/ข่าว คำหอม ชุมชน 02 ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ รายงาน