“หลวงพี่น้ำฝน” ฟาดแรง บอกใช้ทีมเรียลลิตี้ บุกวัด ไม่ทำตามกระบวนการผิดกฎหมายแน่นอน
1 min readหลวงพี่น้ำฝน ไม่ทน ฟาดทีมเรียลลิตี้ ไลฟ์สด บุกวัดทำคอนเทนท์ ส่อผิดกฎหมาย บอกลองบุกวัดไผ่ล้อมก็ไม่รับรองจะเจออะไร ออกปากงงรูปแบบร้องเรียนไม่เป็นตามกระบวนการแต่ใช้กล้อง เอาไมค์จ่อปาก พระไม่ทันโซเชียลตกเป็นแพะทันที ย้ำหากมีข้อมูลไปทำให้ถูกต้องไม่ต้องทำเพื่อหาเรทตติ้ง เพราะพระ วัดบอบช้ำมากแล้ว
วันนี้ 12 พฤษภาคม 65 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ออกมาแสดงความเห็นหลังมีประเด็นการนำเสนอเรื่องราวและข่าวเกี่ยวกับวงการสงฆ์ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประเด็นที่หมอปลา พร้อมทีมงานไลฟ์สด และสื่อหลายแขนง ได้มีการเข้าไปในวัดหลายแห่งพร้อมกับมีการใช้สื่อในการบันทึกภาพคณะสงฆ์ หรือหลายแห่งมีการใช้กล้องบุกถ่ายพระระดับเจ้าอาวาส จนล่าสุดมีประเด็นของหลวงปู่แสง ญาณวโร อายุ 99 ปี ที่มีเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง และมีประเด็นถึงความไม่เหมาะสมในการนำเสนอเรื่องดังกล่าว
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะสงฆ์รู้สึกเจ็บปวดและเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนกันกับหลายภาคส่วนเพราะเป็นเรื่องที่มองดูแล้วไม่สบายใจ ซึ่งหากทีมเรียลลิตี้ มาบุกวัดไผ่ล้อมแบบนั้นบ้างก็ไม่ลองดูว่าจะได้พบกับอะไร เพราะลูกศิษย์ลูกหาที่มีก็มากพอและไม่รู้จะรับได้หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่ทีมเรียลลิตี้กำลังทำตอนนี้ในการปราบพระไม่ดีนั้นถือว่าดีแล้ว แต่วิธีการบุกจู่โจมเข้าไปในวัดต่างๆ และเอากล้องเอาไมค์ ไปรุมสอบถามพระหลายท่านเป็นพระที่ไม่รู้จักโลกโซเชียลหรือเป็นพระสูงวัย ท่านตอบไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า สตั๊นไป พอเป็นแบบนั้นสังคมก็มองว่าเป็นพระชั่ว พระไม่ดีไปแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนหรือสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าในอดีต ตนเองก็เคยถูกร้องเรียนมาหลายเรื่อง แต่ก็มีกระบวนการตามหลักการคือผู้ร้องจะไปร้องที่ศูนย์ดำรงค์ธรรม จากนั้นจะมีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาและจะมีการส่งเรื่องต่อไปถึงเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดเป็นลำดับและมีกรรมการสอบสวนเรื่องที่รับร้องเรียนมา ซึ่งหลักการเป็นแบบนั้น โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีการช่วยเหลือกันเพราะถ้ามีหลักฐานจริง และพระสังฆาธิการยังช่วยปกปิดความผิดก็จะมีกระบวนการเล่นงานต่อไปอีก และที่ผ่านมาก็ตอบข้อร้องเรียนได้หมด ถึงได้คงอยู่เป็นเจ้าอาวาสในทุกวันนี้ได้ ซึ่งแบ๊คอัพที่ดีคือความดี เท่านั้น
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า ตอนนี้อาตมาก็ยังงงว่า ทำไมยุคนี้ใครก็ไม่รู้ที่มีสื่อหรือเป็นสื่อถึงได้ มีการบุกจู่โจมเพราะวัดเป็นส่วนราชการ ที่วัดไผ่ล้อมประตูเปิด 6 โมงเช้าและปิด 3 ทุ่ม ซึ่งหากใครจะบุกเข้ามาผิดๆก็ลองดูว่าจะได้เจออะไร สิ่งที่พูดมานั้นไม่ได้ใช้อารมพูด แต่เพราะเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการมาก่อน จึงได้รู้หลักการและทำงานด้วยทีมกฎหมายมาตลอด ซึ่งสิ่งที่เห็นตอนนี้ทำให้คนรู้สึกว่าพระไม่มีดีเลย พระเลวไปหมดแล้ว ทั้งที่วัดมีไว้ช่วยประชาชนในหลายๆด้าน
“วัดไผ่ล้อม ช่วยเปิดศูนย์โรงพยาบาล รับเจาะเลือดคนวันละ 500-700 คน รับเผาศพโควิดฟรี ทำไมไม่มาทำข่าวกันบ้าง แต่พอวัดพระไปทำอะไรไม่ดีก็รุมเข้าไปนำเสนอ อาตมาไม่เข้าใจว่าเขาต้องการเรทติ้งอะไร การทำแบบนี้มันถึงได้เกิดกระแสขึ้น ทางที่ดีการร้องเรียนคือนำหลักฐานไปว่าตามกระบวนการและขอให้คนร้องเรียนร่วมเป็นคณะกรรมการในการตรวจสอบก็ยังได้ ทำแบบนี้ก็เกิดความเสียหายและเจ็บปวดในฐานะที่อาตมาทำหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนา” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว
หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า วัดส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ลูกศิษย์ลูกหาก็ได้มาพูดคุยกันทั้ง ทนายศุภภัทรพจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ทนายอนันต์ชัย ชัยเดช ซึ่งก็ได้ดูเรื่องข้อกฎหมาย และที่ผ่านมาก็ได้มีทีมทนายความในการให้ความรู้เกี่ยวกับคณะสงฆ์ ซึ่งหากวัดใดไม่ทราบหรือต้องการให้ช่วยเรื่องการให้ความรู้ทางกฎหมายก็ยินดีสามารถติดต่อมาได้ทันที
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม