ชีวิตนี้มีค่าแค่ 500 หนุ่มเก็บขยะเทศบาลโดนรถชนเจ็บปางตาย ประกันภัยชั้นหนึ่งให้ไม่เท่ากับที่เจ็บ
1 min read
จากกรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ว่า หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายกำลังยืนเก็บขยะอยู่ริมถนน เกิดมีรถกระบะคันนึงพุ่งเข้ามาชน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสทางคนขับรถกระบะยอมรับว่าตัวเองหลับใน อุบัติเหตุครั้งนี้พนักงานเก็บขยะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเบื้องต้นตรวจพบว่ามีเลือดออกในสมอง กระดูกขาหักต้องใส่เหล็ก ทางคู่กรณีชดเชยค่าเสียหายให้ 500 บาทที่ได้รับมาจากประกันภัย ส่วนค่าทำขวัญเป็นคำพูดของคู่กรณีที่บอกกับคนในครอบครัวว่า “ดีแค่ไหน ที่เค้าลืมตาตื่นขึ้นมาทัน เพราะถ้าไม่หักหลบอาจมีคนต้องตายในหน้าที่” ส่วนทางต้นสังกัดช่วยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น
เรื่องราวของคนเก็บขยะกับเสาหลักที่มีลูกเล็กอีก 3 คนที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ฝากสื่อและพี่ๆ นักข่าวช่วยด้วยค่ะ…จ.นนทบุรี
เมื่อเวลา 17.30 น วันที่ 13 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 75/12 หมู่ 11 ต .บางเลนอำ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบกับนายสมศักดิ์มงคลแท้ อายุ 39 ปี และ นางสาวประภัสสร มานิคำอายุ 38 ปี ภรรยา ทั้งสองคนเป็นลูกจ้าง เก็บขยะชั่วคราวเทศบาลตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยนางสาวประภัสสรกำลังเช็ดตัวและทำความสะอาดร่างกาย ให้กับนายสมศักดิ์ ผู้เป็นสามีอยู่บนที่นอนภายในห้องเล็กๆของบ้านหลังดังกล่าว โดยนายสมศักดิ์ยังมีบาดแผลที่ขาขวา หลังจากเกิดอุบัติเหตุถูกรถปิคอัพพุ่งชนขณะทำงานเก็บขยะ อยู่กับลูกเมียเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 พฤษภาคม 65 เวลา 05.30 น.ที่ผ่านมา
นางสาวประภัสสร ผู้เป็นภรรยาเปิดเผยด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมด้วยสามี และลูกชายคือนายธันวา มงคลแท้ อายุ 22 ปีกำลังช่วยกันเก็บขยะ อยู่ริมถนนบริเวณ ก่อนถึงวัดสวนแก้ว ขณะนั้นเองได้มีรถปิคอัพ Isuzu สีเทา ตอนเดียว หมายเลขทะเบียน 3ฒท-2562 กรุงเทพฯ ขับโดยนายจิรภาส ไพรวงศ์ ซึ่งหลับในเสียหลัก หักหลบทำให้ด้านข้างของตัวรถฝั่งคนนั่งฟาดเข้ากับร่างของสามีจนล้มคว่ำนอนหงายอยู่ริมถนน พวกตนช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ และต้องเย็บบาดแผลที่ขาที่ลึกเห็นกระดูกรวมทั้งต้องรอผลเอกซเรย์ทางสมองว่ามีเลือดคั่งหรือไม่ สามีรักษาตัวอยู่จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม จึงกลับมาพักฟื้นที่บ้าน และรอดูอาการทางสมอง
ส่วนคนขับรถก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนเนื่องจากรถเขามีประกันชั้น 1 ของบริษัทวิริยะประกันภัย อีกทั้งยังได้แสดงน้ำใจช่วยเหลือเยียวยามาบ้างเป็นบางส่วนแม้จำนวนเงินเพียงไม่กี่พัน อีกืั้งภรรยาเขาก็ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องหาเช้ากินค่ำเลี้ยงครอบครัวตนเองก็ไม่ติดใจ ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลของสามีนั้นหมดไปเป็นจำนวนเงินกว่าแสนบาทแล้วทางบริษัทประกันภัยรับภาระจ่ายให้ และยืนยันว่าจะชดเชยค่าเสียหายให้วันละ 500 บาทเป็นจำนวน 3 เดือนหรือ 90 วัน ซึ่งตนเองได้ขอความเห็นใจจากบริษัทประกันเนื่องจากต้องพาสามีไปโรงพยาบาลทุกวันต้อง เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จึงเรียกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทไป จำนวน 300,000 บาท และไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีหรือเอาเรื่องแต่ทางบริษัทโดยพนักงานที่ทำเรื่องบอกว่าต้องเสนอเรื่องนี้ให้กับทางผู้ใหญ่ของบริษัทว่าจะอนุมัติให้ตามคำข้อเรียกร้องของครอบครัวหรือไม่ ซึ่งการที่ตนเรียกเงินจำนวนดังกล่าวหากสามีต้องรักษามากกว่าเงินจำนวนนี้ครอบครัวตนเองก็ยินดียอมรับภาระที่จะออกค่ารักษาเอง แต่การที่จะมาให้เป็นวันวันละ 500 บาท เป็นเวลา 90 วันนั้นตนมองว่าเหมือนเป็นการตีราคาชีวิตสามีตน เพียงแค่นี้เองหรือก็อยากให้บริษัทประกันภัยซึ่งเป็นบริษัทใหญ่มีชื่อเสียงเห็นใจและช่วยเหลือครอบครัวตนเองตรงจุดนี้บ้าง