สายไหมต้องรอด บุกช่วยเหยื่อเงินกู้โหดดอกร้อยละ 45 ขาดส่ง 3 วัน ถูกพังบ้าน-ทุบรถ-ขู่ฆ่า
1 min readเมื่อเวลา 17:00 น.วันที่ 14 ก.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน เดินทางไปยัง อาคารพาณิชย์ เลขที่ 111/22 หมู่ 1 ซ.พระเนียดพัฒนา 3 หมู่ 1 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจาก น.ส.เมษรา ปิติแสง อายุ 35 ปี เจ้าของร้านขายส้มตำ ว่าถูกเซลล์ปล่อยเงินกู้ ดอกโหดร้อยละ 45/เดือน ควงปืนบุกมาพังร้าน ทุบทำลายข้าวของได้รับความเสียหาย
น.ส.เมษรา เล่าว่า ครอบครัวตนเอง อยู่ด้วยกัน 5 คน มี พ่ออายุ 55 ปี แม่อายุ 56 ปี ลูก 10 ขวบ และ หลาน 5 ขวบ ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อประกอบอาชีพเป็นพนักงานขับรถขนส่ง แม่เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานเนื่องจากป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรค ตนและครอบครัวพากันมาเช่าอาคารพาณิชย์แห่งนี้ขายข้าวแกงและอาหารตามสั่งได้ประมาณ 4 เดือน เนื่องจากพ่อเกษียณอายุการทำงาน ได้เงินก้อนมาประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายของครอบครัว พ่อจึงให้นำเงินดังกล่าวมาลงทุนเปิดร้านขายข้าวแกง ซื้ออุปกรณ์ โต๊ะ เก้าอี้ ให้ตนและแม่ช่วยกันขาย เพราะพ่อคิดว่าหากไม่ค้าขายเงินตรงนี้ก็จะหมดไปและทุกคนก็จะลำบาก แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับ จ.ชลบุรี ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเหมือนช่วงก่อนโควิด ทำให้ยอดขายแต่ละวันเสมอทุน บางวันก็ขาดทุน หลังจากทุนหมด ตนได้ไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอทำเรื่องกู้สินเชื่อมาลงทุนค้าขาย แต่ไม่มีที่ไหนให้กู้ เนื่องจากธนาคารต้องการข้าราชการมาค้ำประกัน แต่ครอบครัวตนไม่รู้จักใครที่ไหน ทำให้ตนต้องหันไปขอยืมเงินจากเซลล์เงินกู้นอกระบบ โดยตนกู้เงินมาจำนวน 15,000 บาท ได้รับเงินมาจำนวน 13,500 บาท หักค่าสัญญา 1,500 บาท จากนั้นต้องส่ง วันละ 900 บาท จำนวน 22 วัน เป็นเงิน 19,800 บาท คิดเป็นดอกเบี้ย 45% /เดือน ตนส่งรายวันๆละ 900 บาท มาได้ 9 วัน เป็นเงิน 8,100 บาท แต่มาขาดส่งได้ประมาณ 3 วันเนื่องจากฝนตก ทำให้ขายของได้เงินเพียง 200 บาท ตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้เซลล์ทราบแล้ว แต่ทางเซลล์ไม่ยอม ยืนยันให้ตนต้องไปหากู้ยืมเงินจากคนอื่นมาให้ ตนพยายามไปหาหยิบยืมเพื่อนๆแต่ทุกคนก็ลำบากกันหมด จึงไม่มีเงินมาจ่ายเซลล์ ทำให้ถูกบุกมาพังร้าน ทุบรถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ทำมาหากิน ได้รับความเสียหาย นำขวดเบียร์และก้อนหินปาเข้ามาภายในบ้าน พร้อมตะโกนขู่จะยิงให้ตายทั้งบ้าน ทำให้ลูก หลาน และพ่อ แม่ ของตน ตกใจพากันร้องไห้ ไม่กล้าเปิดร้านขายของ ลูกตนผวาเวลาได้ยินเสียงคนเดินผ่านหน้าบ้าน จะรีบวิ่งไปแอบ หลังเกิดเหตุตนพยายามโทรไปขอผัดผ่อนเพื่อที่จะหาเงินมาจ่ายบางส่วนก่อน แต่เซลล์ไม่ยอม บังคับให้ตนหาส่วนที่ค้างมาจ่ายทั้งหมด หากไม่มีก็จะไม่รับประกันความปลอดภัย ตนกลัวว่าครอบครัวจะถูกฆ่า จึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือมายังเพจสายไหมต้องรอด ดังกล่าว
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับแจ้งตนได้เดินทางมายังร้านขายส้มตำ สถานที่เกิดเหตุทันที พร้อมกับประสานไหมยัง พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี เพื่อพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความและดำเนินคดีกับเซลล์ปล่อยเงินกู้โหดรายนี้ให้ถึงที่สุด ซึ่งจากการสอบถามเงินเหลือไม่เท่าไหร่เองกู้มา 15,000 บาทก็ได้เงินมาแค่ประมาณ 13,500 บาทโดนหักไป 1,500 บาทแล้ว เมื่อ 2-3 วันก่อนก็มีฝนตกหนักขายของก็ขายไม่ได้ไม่น่ามาทำอะไรขนาดนี้ เป็นเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน ต้องฝากให้ผู้กำกับ สภ.เมืองชลบุรี จัดการให้เด็ดขาด เอาไว้ไม่ได้เป็นภัยกับสังคม
สอบถามทางโทรศัพท์กับ พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี ได้เปิดเผยว่า จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายนั้นกู้เงินทางโซเชียลหรือทาง Facebook ที่มีผู้ปล่อยกู้หลังจากนั้นได้ติดต่อและทางผู้ให้กู้ได้ขับรถเก๋งเอาเงินมาให้ถึงบ้านซึ่งจะต้องสอบสวนว่าผู้ให้กู้นั้นมีพื้นที่อยู่ในเขตเมืองชลบุรีหรือไม่ หรืออยู่ต่างจังหวัดเพื่อจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ภาพ /ข่าว นายณัฐพัชร์ ศรีสุวรรณ์ จ.ชลบุรี