พังงา กรมศิลปากรลงตรวจสอบดราม่ารื้อเรือนโบราณในวัดประชุมโยธี ทายาท ณ ถลาง ยืนยันไม่เกี่ยวกับเจ้าจอมยี่สุ่น
1 min readพังงา กรมศิลปากรลงตรวจสอบดราม่ารื้อเรือนโบราณในวัดประชุมโยธี ทายาท ณ ถลาง ยืนยันไม่เกี่ยวกับเจ้าจอมยี่สุ่น
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุการณ์ที่ ในสื่อสังคมออนไลน์ ได้โพสต์ภาพเรือนโบราณอายุกว่า100 ปี ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดประชุมโยธี พระอารามหลวง บอกว่าวัดประชุมโยธีจะทำการรื้อถอนเพื่อสร้างเสนาสนะอื่นๆ จนกลายเป็นประเด็นดราม่า และร่วมกันแสดงความเห็นคัดค้านการรื้อถอน ซึ่งทางพระเทพปัญญาโมลี เจ้าอาวาสวัดประชุมโยธี พระอารามหลวงได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ยังไม่ได้มีการรื้อถอนแต่อย่างใด เพียงแค่ทางวัดได้ทำพิธีสวดถอนพื้นที่เท่านั้น เพราะในพื้นที่ที่ที่วัดซื้อมานั้น ในอดีตอาจจะมีอุโบสถเก่าหรือเจดีย์เก่าอยู่ จึงได้ทำพิธีสวดถอน ซึ่งบ้านหลังนี้ก็อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย จนมีคนนำไปแปลว่าทางวัดจะทำการรื้อถอนเรือนหลังนี้ หากคนใดจะเข้ามาช่วยบูรณะซ่อมแซมทางวัดก็ไม่ขัดข้อง
ล่าสุดนางเสริมกิจ ชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช เดินทางมาตรวจสอบเรือนโบราณเบื้องต้น และเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาตั้งขึ้น จากนั้นร่วมกับ นส.อุไรวรรณ แดงงาม วัฒนธรรมจังหวัดพังงา คณะกรรมการ และทายาทตระกูล ณ ถลาง เจ้าของที่ดินที่มีบ้านโบราณหลังนี้ตั้งอยู่ เข้านมัสการพระเทพปัญญาโมลี เจ้าอาวาสวัดประชุมโยธี พระอารามหลวง เพื่อชี้แจงการทำงานในการแสวงหาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในประเด็นที่ว่าบ้านหลังนี้มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าจอมยี่สุ่น พระสนมในรัชกาลที่ 3 ลูกสาวของพระยาบริรักษ์ภูธร(แสง ณ นคร)หรือไม่ และทำการตรวจพิสูจน์ทางการก่อสร้างลักษณะแบบนี้จะมีอายุเท่าไหร่ มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อย่างไร และจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมของกรมศิลปากรลงพื้นที่ตรอบสอบเรือนโบราณอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่นางประทุม สิลา เล่าว่า ตนเองเคยเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะหลาน เป็นทายาทตระกุล ณ ถลาง ที่รู้มานั้นว่าเป็นบ้านของตระกูล ณ ถลาง เมื่อตอนเด็กๆจะมีเครือญาติต้นตระกูล ณ ถลาง และ ญาติผู้ใหญ่เดินทางมาจากกรุงเทพ เคยมาเยี่ยมมาพักทานข้าวแล้วก็กลับไป ญาติผู้ใหญ่ไม่เคยมีใครพูดถึงว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าจอมยี่สุ่นอย่างไร ในบ้านไม่มีอะไรพิเศษที่จะเกี่ยวข้องกับท่านเลย
นางเสริมกิจ ชัยมงคล เปิดเผยว่า เราต้องแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนจากข้อมูลต่างๆที่เผยแพร่ออกไปโดยกรมศิลปากรยินดีสนับสนุนในการสืบค้นหาข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัดก่อน ว่าความเป็นมาของบ้านโบราณหลังนี้ มีที่ไปที่มาที่ไปยังไงบ้าง พร้อมทำเรื่องเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบ้าน รายละเอียดทางด้านสถาปัตยกรรมต่างๆข้อมูลทางด้านประวัติการก่อสร้าง เทคนิคการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งจะมีคณะจากสำนักสถาปัตยกรรมที่กรุงเทพฯและวิศวกรจากสำนักศิลปากรที่12 ซึ่งท่านอธิบดีกรมศิลปากร ขอให้ทำงานโดยที่มีอะไรก็ต้องขอคำแนะนำจากทางท่านเจ้าอาวาสด้วย
ภาพ/ข่าว อโนทัย งานดี จ.พังงา