ตำรวจทางหลวงโชว์ผลงานรวบต่างด้าวสัญชาติเมียนม่า18คนพร้อมผู้นำพา
1 min readเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 ส.ค. 65 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาด ผบก.ทล. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.มนัสวี กะดะแซ สว.ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล. ทำการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ที่แอบลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ และแฝงตัวลักลอบข้ามแดนไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะใช้เส้นทางในพื้นที่รับผิดชอบเป็นทางผ่าน และขณะที่ ร.ต.อ.พันธ์ ศรัทธารัตน์ รอง สว.ป.ส.ทล.5กก.7 บก.ทล. และพวก กำลังปฏิบัติหน้าที่หน้าที่อยู่บนถนนทางหลวงที่ 43 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบรถยนต์กระบะแบบตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน 3 ฒฉ 1565 กทม.ซึ่งกระบะหลังเป็นตู้ทึบ ที่แหล่งข่าวเคยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนหน้านี้ ว่าเป็นยานพาหนะที่ใช้สำหรับแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณขอตรวจค้น
พบนายมูฮำหมัด กอเม็ง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ม.5 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นคนขับ และมีนายอับดุลฮากีม สาโยะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.1 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา นั่งโดยสารคู่กันมาด้านหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจขอตรวจค้นตู้ทึบที่ติดตั้งไว้บริเวณกระบะหลัง พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนม่า นั่งแออัดการมา จำนวน 18 คน พร้อมสัมภาระเป็นกระเป๋าเป้วางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมนายมูฮำหมัด และนายอับดุลฮากิม พร้อมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนม่า ทั้ง 19 คน มาสอบสวนเบื้องต้นที่ สถานีทางหลวง 5 กองกำกับการ 7 อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
โดยนายมูฮำหมัด และนายอับดุลฮากิม ให้การว่าได้ร่วมกันรับจ้างจากนายอิสมาแอ ซึ่งเป็นมาเลเซีย โดยให้ค่าตอบแทนเป็นรายบุคคล หัวละ 2,000 บาท มาจากเขต อ.บางกล่ำ จ.สงขลา นำส่งไปยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย เมื่อเข้าเขตพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จะประสานไปยังนายอิสมาแอ เพื่อแจ้งจุดรับส่งแรงงานต่างด้าวอีกครั้งว่าจะให้ไปส่งที่จุดใดเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีกับนายมูฮำหมัด และนายอับดุลฮากิม ในข้อหาร่วมกันนำพา หรือ ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งรู้อยู่ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นพ้นจากการจับกุม
พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีผ่านล่าม เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งได้มีการบันทึกจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน. สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป