พลิกโผ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผงาด ผบช.น. “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นรองผบ.ตร. 254 นายพลฉลุย
1 min readวันนี้(29 ส.ค.65) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ “ก.ต.ช.” ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ เรียบร้อยแล้ว
พล.อ.ประวิตร กล่าวสั้นๆ กับสื่อมวลชนก่อนเดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า “เรียบร้อยดี ไม่มีอะไร ให้ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง”
มีรายงานว่า ที่ประชุม ก.ต.ช. มีมติเอกฉันท์ 6-0 เลือก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ คนที่ 13 โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 อาวุโสอันดับ 2 ซึ่งเหลืออายุราชการอีก 1 ปี ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2566
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับชั้นนายพล ซึ่งในการประชุมก.ต.ช.ได้พิจารณามีความเห็นเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดคงเปิดเผยไม่ได้ เพราะมีขั้นตอนอื่นตามกฎหมายอีก
รวมถึงการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปจนถึงผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 254 ตำแหน่ง ซึ่งผ่านการประชุมเรียบร้อยแล้ว
“รายละเอียดคงตอบได้เท่านี้ และยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อจนกว่าจะครบกระบวนการตามกฎหมาย ส่วนวาระอื่นๆ ทางรักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ได้มีข้อสั่งการจำนวนมาก รายละเอียดของการประชุมจะให้พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลง”
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช. และประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือก.ตร. ครั้งที่ 8/ 2565 ในทางก.ต.ช. มีการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ผ่านคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ผลการแต่งตั้งต้องรอผลตามกฎหมายอีกครั้งจะต้องรอหลังจากที่มีการพิจารณาโปรดเกล้าแต่งตั้งฯ และมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ตำแหน่ง ระดับผู้บังคับการขึ้นไป ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อทดแทนตำแหน่งว่าง ผู้เสียชีวิต และเกษีนณอายุราชการ รวมการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังพลตามความเหมาะสม
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้มีการพิจารณาตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอไว้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 4 ราย, ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหมุนเวียน จำนวน 1 ราย, ผู้บัญชาการเลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6 ราย, ผู้บัญชาการหมุนเวียนจำนวน 7 ราย, รองผู้บัญชาการเลื่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการจำนวน 16 ราย, รองผู้บัญชาการหมุนเวียน จำนวน 23 ราย, ผู้บังคับการเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการ จำนวน 40 ราย ผู้บังคับการหมุนเวียน จำนวน 71 ราย รองผู้บังคับการเลื่อนขึ้นเป็นผู้บังคับการ จำนวน 86 ราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 254 ราย ทั้งนี้ต้องรอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อขึ้น รองผบ.ตร. 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ส่วนตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( ผบช.น.) แทน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ที่ขยับขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มีการปรับโผจากเดิมที่ว่าง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นรต.38 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ โยกมาเป็นมา ผบช.น.
แต่สุดท้ายวงประชุม ก.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้มาดำรงตำแหน่ง ผบช.น.คนใหม่ ส่วน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ นั่ง ผบช.ภ.1 ตามเดิม โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สกพ. มาเป็น ผบช.ภ.2 แทน
เปิดโฉม 4 รองผบ.ตร.ใหม่
สำหรับการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. วาระประจำปี 2565 มีการแต่งตั้งโยกทั้งสิ้น 254 ตำแหน่ง ดังนี้
ระดับรอง ผบ.ตร.ว่าง 4 ตำแหน่ง
พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผบ.ตร.
พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ระดับผู้ช่วยผบ.ตร. ว่าง 6 ตำแหน่ง โยกสลับ 1 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค., พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ ผบช.สพฐ.ตร. ขณะเดียวกันมีการโยกสลับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจตช.เป็น ผู้ช่วยผบ.ตร.
ระดับ ผบช. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 40 โยกมาเป็น ผบช.น.จากผลงานการปราบปรามบ่อนการพนันภาคตะวันออก จึงได้รับมอบหมายให้มาปราบปรามบ่อนการพนัน และคุมม็อบในนครบาล, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สกพ. เป็น ผบช.ภ.2
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส.โยกเป็น ผบช.ภ.8, พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย, พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงศ์ ผบช.สยศ.ตร. โยกเป็น ผบช.สกบ.
พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร. โยกเป็น ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม. เลื่อนเป็น ผบช.สกพ., พล.ต.ต.เสนิตย์ สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.อนุชา รมยนันท์ รอง ผบช.สกพ.เลื่อนเป็น ผบช.สง.ก.ตร., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รองผบช.ก. เลื่อนขึ้น ผบช.สอท.
พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 เลื่อนเป็น ผบช.สยศ.ตร., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.กมค., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. เลื่อนเป็นผบช.ศ.
สำหรับตำแหน่งสำคัญ อาทิ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ยรรยงค์ เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.อยู่ที่เดิม
ระดับ ผบก.- รอง ผบช. ที่น่าสนใจ อาทิ พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.สส.จชต. โยกเป็น ผบก.ภ.จว.ยะลา, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เลื่อนเป็น รอง ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น.เลื่อนเป็น รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธี ผบก.สส.บช.ภ.2 โยกเป็นผบก.สส.บช.น.
“บิ๊กป้อม”มอบนโยบาย5เรื่อง
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยด้วยว่าพล.อ.ประวิตร ได้สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำชับตำรวจ 5 เรื่อง ดังนี้
1.เรื่องยาเสพติด ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นด้านปราบปรามให้สืบสวนจับกุมเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ค้า อย่างจริงจัง ให้ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายผู้เกี่ยวข้องทุกรายในด้านป้องกัน มุ่งเน้นการลดจำนวนผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดลงให้ได้ โดยใช้ชุมชนหมู่บ้านเป็นศูนย์กลางการแก้ไขปัญหา สร้างความรับรู้กับทุกภาคส่วนว่าผู้เสพคือผู้ป่วย
เมื่อสมัครใจเข้ารับการบำบัดแล้วจะไม่เสียประวัติและไม่มีความผิด และใช้มาตรการเชิงรุกด้านการค้นหาผู้เสพยาเสพติดนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ให้เดินหน้าโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้สำนักงานตำรวจ รวมทั้งให้มีการประเมินผล อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เรื่องแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ให้กวดขันจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยเน้นไปที่ผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่ตามแนวชายแดน และชุมชนตามแนว หากมีการจับกุมให้ขยายผลให้ถึงขบวนการอย่างเด็ดขาด
“กรณีเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์”
3.เรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เร่งรัดสืบสวนจับกุม ปราบปราบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเครือข่ายฉ้อโกงประชาชนในความผิดต่างๆ รวมทั้งสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มนายทุน คนเปิดบัญชีม้า และดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดทุกราย โดยนำมาตรการตามกฎหมายฟอกเงินมาบังคับใช้ติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับผู้เสียหายเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น
“ให้กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดที่ใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ค้าอาวุธปืน การพนัน ออนไลน์ ยาเสพติด และอื่นๆ โดยให้ขยายผลไปยังกลุ่มทุนทุกราย และเน้นมาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแจ้งเตือนประชาชนทุกรูปแบบให้ทราบถึงกลโกง วิธีการของคนร้าย เพื่อให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของการ หลอกลวงประเภทต่างๆ ให้ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม”
4.แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้สืบสวนจับกุม กลุ่มผู้ลักลอบปล่อยเงินกู้ และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่ รวมถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างจริงจังเด็ดขาด ให้ยึด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่นเงินสด ยานพาหนะ ของกลุ่ม คนร้ายเพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดซ้ำ ให้จัดทำสารบบข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิด
และ 5. กำชับข้าราชการตำรวจทุกนาย ห้ามมิให้เรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดที่เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ โดยในผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล หากพบการฝ่าฝืนให้พิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญาอย่างจริงจังทุกราย
ขอบคุณที่มา ฐานเศรษฐกิจ