สาวเจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวแซ่บแตกซิก” ร้องกมธ.แรงงาน,ตำรวจ ขอความเป็นธรรม หลังถูกตร.ตม.จับลูกจ้างโดยไม่ชอบธรรม
1 min read
วันนี้ 7 กันยายน 65 เวลา 11.00น น.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช อายุ 37 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวแซ่บแตกซิก พร้อมด้วย นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการแรงงาน นายจิระภาคย์ เปรมพิริยธรณ์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการแรงงาน และที่ปรึกษาประธานอนุกรรมาธิการรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ และนายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ทนายความ ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อ สส.สุเทพ อู่อ้นประธานกรรมาธิการการแรงงาน และนายทวีศักดิ์ ทักษิณ โฆษกคณะกรรมาธิการ
โดยน.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิชได้เล่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยมีชาย 5 คน อ้างเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาขอตรวจบัตรลูกน้องที่เป็นคนต่างชาติ ตอนนั้นตนอยู่บ้าน ดูวงจรปิดในมือถือ ก็งงว่าทำไมเป็นตำรวจแต่ไม่ใส่เครื่องแบบ จึงรีบขับรถมาที่ร้าน พอขอดูบัตรตำรวจ เขาก็ปฏิเสธไม่อยากให้ดูด้วย
ทั้งนี้ตนได้ยืนยันว่า ลูกน้องมีบัตรต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมาย แต่เวลาทำงาน ไม่ได้พกมาด้วย เขาก็รีบกลับไปที่หอพัก มายืนยันชายฉกรรจ์เหล่านี้แล้ว เพียงแต่ที่พักในบัตรไม่ตรงกับที่ทำงาน ตนเลยบอกว่าตอนตำรวจมาตรวจครั้งก่อน ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ขู่ว่า ถ้าไม่อยากให้ลูกน้องถูกกลับประเทศ ให้จ่ายเงินคนละ 4 พันบาท 3 คนเป็นเงิน 1.2 หมื่นบาท ตนไม่ยอมจ่าย เพราะไม่รู้ว่าตำรวจจริงหรือปลอม จึงโทร.หาสน.ดอนเมือง ให้มาที่ร้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ทำทีเดินออกร้าน ตนก็ขวาง พอตำรวจมาถึงก็เข้าไปคุย ก่อนจะอ้างว่า เป็นเรื่องของเขา ผมไม่รู้กฎหมาย และก็กลับไปเลย ระหว่างนั้นชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนยังขู่ลูกน้องอีกว่า “ถ้าไม่จ่ายเงินได้กลับประเทศแน่นอน” ลูกน้องก็อยากจะจ่าย แต่ตนห้ามไม่ให้จ่าย และเขาก็ใช้สายรัดข้อมือลูกน้องพาขึ้นรถตู้ ตนพยายามยืนขวางรถไว้ เพื่อปกป้องลูกน้อง ไม่ให้ใครพาไปไหน จนขับออกไปได้
พอตนตามไปที่สน.ดอนเมือง เห็นเขานั่งพิมพ์สำนวนตรงศาลา ไม่ได้เข้าไปที่โรงพัก และพยายามให้ลูกน้องเซ็นเอกสาร ตนก็ห้ามไม่ให้เซ็น เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลในเอกสารมีอะไรบ้าง และทาง ตำรวจ สน.ดอนเมือง แจ้งว่า ลูกน้องต้องจ่ายค่าปรับ คนละ 4,000 บาท เพราะที่อยู่ในเอกสารไม่ตรงกับที่ทำงาน หากไม่จ่ายต้องนอนคุก ด้วยความที่ตนเป็นเจ้านาย ยอมให้เด็กนอนคุกไม่ได้ เลยจ่ายไป 12,000 บาท เพื่อให้เรื่องจบ
พอวันต่อมาตนเข้าไปแจ้งความ เจอผู้ชาย 3 คน เดินเข้ามาหา แนะนำว่าเป็นหัวหน้าของผู้ชาย 5 คน พร้อมกับยกมือไหว้ บอกว่า “ขอโทษแทนเด็กๆ ขอให้อย่าเอาเรื่อง ขอความเห็นใจ ถ้าลูกน้องโดนผมก็โดนด้วย และจะโอนค่าปรับคืน 12,000 บาท” ตนเลยบอกไปว่าไม่ได้หิวเงิน เพียงแต่ต้องการทวงความยุติธรรมให้ตัวเองและลูกน้อง มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ วันนี้ลูกน้องไปดำเนินการเปลี่ยนที่อยู่ในบัตร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ค่าปรับ 800 บาท ไม่ใช่ 4,000 บาท
และเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2565 น.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช พร้อมด้วย นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการแรงงาน นายจิระภาคย์ เปรมพิริยธรณ์ ที่ปรึกษาประธานอนุกรรมาธิการรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ และนายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ทนายโจ้ เข้าพบพนักงานสอบสวนให้การเพิ่มเติมกรณี แจ้งความดำเนินคดี กับผู้ชายทั้ง 5 คน ทั้งหมด 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.หมิ่นประมาท , 2. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ , 3.บุกรุก , 4.ข่มขู่ และ 5.มาตรา 157 หลังมีชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าบุกจับกุมลูกน้องต่างชาติในร้าน ทั้งที่มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย จนตนต้องไปยืนขวางรถตู้ปกป้องลูกน้อง โดยเจ้าของร้านเผยว่า ภายหลังแจ้งความเสร็จได้มีผู้บังคับบัญชาของตำรวจ ตม.ทั้ง 3 คนที่อยู่ในบันทึกการจับกุม เข้ามาชี้แจงและขอพูดคุยเจรจา ยอมรับว่า ชายทั้ง 5 คนเป็นตำรวจจริง และทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีชื่อบันทึกการจับกุมเพียง 3 นายนั้น ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครัง ทังนี้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจ ตม.คนดังกล่าวยังไม่ได้ปฎิเสธ กรณีที่ทางน.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังและแจ้งข้อกล่าวหาว่าเคยมีการเจรจาเพื่อจะมอบเงินค่าปรับที่น.ส.กัญญาพัชร์ ได้เสียค่าปรับจริงจำนวนเงิน12,000 บาท ไปนั้น คืนให้โดยแลกกับการให้น.ส.กัญญาพัชร์ ลบคลิปไลฟ์สดและไม่แจ้งความเอาผิดลูกน้อง เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา
ภายหลังชี้แจงถึงรายละเอียด ท่าน สส.สุเทพ อู่อ้น ได้กล่าวขอบคุณผู้ร้องน้องเตย น.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช และขอบคุณนายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการการมาธิการ หลายครั้งที่กรรมาธิการได้รับเรื่องเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบโครงสร้าง เกิดขึ้นจากระบบการควบคุมพนักงานเจ้าหน้าที่ เห็นได้ชัดเจนว่าประเทศไทยต้องจำเป็นต้องใช้แรงงานข้ามชาติหรือแรงงานต่างด้าวและก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุมกินโต๊ะจีนพี่น้องแรงงานกว่า15องค์กร นี้ก็เป็นอีก 1องค์กรที่เราจะต้องทำให้เกิดความชัดเจน
ผมพยามอภิปรายในสภามาตลอดว่าประเทศไทยจะขาดแรงงานข้ามชาติไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องจริง แล้วทำไมระบบการนำเข้าต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีการหากินฉ้อฉลอย่างนี้ ในการปฎิบัติหน้าที่มาตั้งแต่พลเอกประยุทธ์มาเป็นนายก 8 ปี เรื่องนี้มีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นและเป็นช่องทางต่างๆมากมาย ผมยินดีเราอยากให้เกิดระบบที่เราควรจะมีการดูแลมาตฐานมาตรการที่รองรับในการดูแลธุรกิจก็ย่ำแย่อยู่แล้ว แรงงานยิ่งย่ำแย่กว่าท้ายสุดทำงานมาทั้งหมดทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องมาเสียเงิน ให้กับผู้ถืออำนาจในมือทั้ง15 องค์กร เรื่องเหล่านี้มันควรจะมีการแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อที่จะลดในเรื่องการค้ามนุษย์ลงให้ได้ ประเทศไทยเราโดน THT มาในการตัดสิทธิ์หลายๆอย่างก็เกิดจากการปฎิบัติไม่ถูกต้อง ริดรอนสิทธิ์ต่างๆ ในฐานะที่เป็นประธานกรรมาธิการการแรงงานก็จะรีบบรรจุดำเนินการให้เพื่อให้เกิดความถูกต้องวางระบบโครงสร้างการใช้แรงงานที่ถูกต้องต่อไป ทางกรรมาธิการยินดีรับใช้พี่น้องประชาชน
หลังจากยืนหนังสือต่อประธานกรรมาธิการการแรงงานแล้ว นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการการมาธิการ ได้พา น.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช และ เข้าพบนายจีนัฏฐ์ สีชมพู ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.ชูศักดิ์ คีรีมาศทองและคณะทำงาน เพื่อยื่นเรื่องผ่านไปยังกรรมาธิการตำรวจ ให้ทำการตรวจสอบว่าการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่จับลูกจ้างของน.ส.กัญญาพัชร์ ขจรวงศ์วาณิช เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มคนดังกล่าวต่อไป
คลิกชมคลิป…