“บิ๊กโจ๊ก” ร่วมบรรยายและพูดคุยเกี่ยวกับโครงการ Smart Safety Zone 4.0 และผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าวในการป้องกันอาชญากรรม ณ โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ
1 min read วันนี้ (29 ก.ย.65) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับเชิญจาก นายคริส เอ.แคนเทรล ผู้ประสานงานศูนย์ประสานกรุงเทพฯ กองบัญชาการสอบสวนกลาง (FBI) ร่วมบรรยายและพูดคุยเกี่ยวกับโครงการ Smart Safety Zone 4.0 และผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าวในการป้องกันอาชญากรรม ณ โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ
ในงานดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมฟังการบรรยายเป็นจำนวนมาก จากองค์กรประสานงานต่างประเทศด้านการต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด (Foreign Anti-Narcotics and Crime Organization : FANC) ซึ่งให้ความสนใจเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ได้บรรยายถึงความเป็นมาของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ที่เกิดจากดำริของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่มีแนวคิดตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในวันแรกว่า “มีซอยไหนสักซอยไหม ที่ผู้หญิงเดินจากปากซอยเข้าบ้านได้ตอนสามสี่ทุ่ม หรือหลังจากนั้น โดยไม่รู้สึกกลัวอะไร” และจากวิสัยทัศน์ดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ได้รับหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบายและโครงการนี้ จนประสบความสำเร็จ และได้รับรางวัลระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น รางวัล Gold Award รับถ้วยรางวัลเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี ในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2564 และรางวัล Best Experience in Community Policing ด้านการป้องกันอาชญากรรม จากการประชุมสุดยอดตำรวจโลก ประจำปี 2565 ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจุดประสงค์หลักของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 คือ การดำเนินการให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น โดยใช้กลไกสำคัญคือ การนำนวัตกรรม งานวิจัย และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาสนับสนุนงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เช่น การทำห้องปฏิบัติการ CCOC ในระดับสถานีตำรวจ การเชื่อมโยงระบบกล้อง CCTV มาตรวจการณ์แบบ Real Time การใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ได้มีการดำเนินการไปแล้วกว่า 100 สถานีตำรวจ ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ในโอกาสนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้ประชาสัมพันธ์ถึงความสำเร็จของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ให้กับผู้ประสานงานต่างประเทศได้ทราบ เพื่อสร้างความรับรู้เกี่ยวกับการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแสวงหาความร่วมมือกับนานาชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำมาพัฒนางานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข