สาวเจ้าของธุรกิจถูกหนุ่มบุกตบเพราะเมียหึง เข้าเจรจาคู่กรณี เรียกชดเชยทำบุญมูลนิธิฯปวีณา
1 min read
สาวเจ้าของธุรกิจสินค้านำเข้าญี่ปุ่น เข้าพบคู่กรณี หลังถูกสั่งตบเพราะเมียหึง โดยฝ่ายชายที่ลงมือก่อเหตุสารภาพทั้งหมดและขอจบคดีโดยชดใช้เงิน 7 พันบาท โดยสาวถูกทำร้ายโอนเงินทั้งหมดเข้ามูลนิธิปวีณาฯ เผยยังหวาดกลัวแม้ไม่รุนแรงแต่ไม่ควรตกเป็นเหยื่อสองผัวเมีย ส่วนมือก่อเหตุชิงแอบบออกหลังโรงพักหลบสื่อ ด้านทนายฝั่งผู้เสียหายบอกโทษกฎหมายมีบทลงโทษแล้วส่วนหนึ่ง แต่ทางสังคมได้ลงโทษไปพอสมควรกับที่ลงมือแล้ว
วันนี้ 4 ตุลาคม 65 ที่สภ.ดอนตูม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม นางสาวอุมารินทร์ รุจยากรกุล หรือตูน อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายอาทิตย์ ว่องวสุสมวงศ์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ประเทือง เหลืองอร่าม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี โดยมี นายรัตนา (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม คู่กรณี ซึ่งได้เดินทางมาพร้อมทนายความและบิดา เพื่อมาทำการเจรจาและหาข้อยุติ หลังจากนายรัตนา (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ได้ก่อเหตุบุกเข้าทำร้ายร่างกาย นางสาวอุมารินทร์ หรือตูน อายุ 27 ปี ขณะกำลังดูแลธุรกิจ สินค้ามือ 2 โดยมีการแจ้งความไว้และมีการมาให้ปากคำไว้โดยอ้างว่าภรรยาสั่งให้มาตบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากหึงหวง เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.ของวันที่
โดยพนักงานสอบสวนได้ให้คู่กรณีมีการเจรจาเพื่อตกลงในห้องสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเสร็จ โดยมีการตกลงยอมความใจการจ่ายค่าชดเชย 7,000 บาทและได้มีการทำบันทึกเพื่อจบคดี ซึ่งหลังจากมีการสอบปากคำและทำบันทึกแล้วเสร็จ นายรัตนา (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ได้หลบออกจากทางด้านหลังอาคาร โดยมีเพียงบิดาที่สูงวัยต้องพยุงเดินออกจากห้องสอบสวน ส่วนทนายความไม่ให้สัมภาษณ์มีเพียงให้ข้อมูลเพียงว่าทั้งคู่ได้มีการเจรจาตกลงโดยชดเชยเป็นเงินสดให้ และทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน ถือว่าจบเรื่องแล้ว ก่อจะแยกย้ายกันกลับออกจากพื้นที่
นายอาทิตย์ ว่องวสุสมวงศ์ ทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว ตนเองได้มาเป็นที่ปรึกษาในข้อกฎหมายให้กับผู้เสียหายหลังจากเป็นข่าว ซึ่งในส่วนกฎหมายก็มีบทลงโทษส่วนหนึ่งไปแล้ว แต่ส่วนที่กฎของสังคมก็ได้ลงโทษผู้ก่อเหตุไปแล้ว ซึ่งทางผู้เสียหายเองก็รู้สึกว่ามีความพึงพอใจ และในส่วนของการแจ้งความแล้วเรื่องเงียบไปที่ผู้เสียหายได้มีข้อวิตกในเรื่องนี้ ก็ทราบว่าการจะเชิญผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาก็มีการรอในเรื่องของผลตรวจจากทางโรงพยาบาลซึ่งเมื่อได้ผลมาทางตำรวจก็ได้มีการเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาทำการเจรจากันเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตูมในเรื่องนี้ไว้ด้วย
ส่วน นางสาวอุมารินทร์ หรือตูน อายุ 27 ปี บอกว่าวันนี้ได้มาพบกับคู่กรณีแล้วในสิ่งที่เขาพูดนั้นก็ดูสำนึกแต่ก็ไม่ชัดเจนนัก และได้มีการขอโทษตนเองและแม่ที่มาด้วย ซึ่งตอนแรกที่มีการพูดคุยกันก็คิดว่าจะทำบุญ ก็ได้เสนอเรียกค่าเสียหายไป 30,000 บาท แต่ก็มีการต่อรองที่ 7,000 บาท ซึ่งเมื่อได้รับเงินมาก็ทำการโอนเงินเข้าให้กับ “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” ทั้งหมดทันที เพราะเป็นความตั้งใจแต่แรก ซึ่งเขาก็ขอว่าเขามีลูกและตนเองก็คิดว่าจะเสียเวลาทำงาน หากจะไม่ยอมความและต้องดำเนินคดีถึงชั้นศาล โดยหากถึงขั้นนั้นก็ต้องแจ้งความกับภรรยาเขาด้วย และเขาก็ยอมรับกับเหตุการณ์ ตามที่เป็นข่าวไปจริง
นางสาวอุมารินทร์ หรือตูน กล่าวอีกว่า เราก็เป็นแม่ค้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเราต้องทำหน้าที่เลี้ยงดูทุกคนและเราก็อยากจะให้จบเพื่อที่จะไม่ให้เขามายุ่งกับเราและครอบครัวเราอีก ตอนนี้ก็มีความหวาดระแวงว่าเขาจะกลับมาทำร้ายเราอีก หรือใครอีกแล้วหากจะทะเลาะกันก็ควรอยู่แค่นั้นไม่ควรดึงบุคคลที่สามเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“ทุกวันนี้สิทธิของชายและหญิงเท่าเทียมกัน แต่ผู้ชายแตกต่างกันที่ความแข็งแรงของร่างกาย และหากคุณเป็นผู้ชายแล้วคิดจะมาทำร้ายผู้หญิงก็ควรจะไปใส่กระโปรงเสียดีกว่า” นางสาวอุมารินทร์ หรือตูน กล่าวปิดท้าย



ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม
Loading…