ชาวบ้านร้องน้ำท่วมนานจนส่งกลิ่นเหม็น เจ้าหน้าที่เกี่ยงกันรับผิดชอบเพราะเป็นพื้นที่ทับซ้อน 3 เทศบาล
1 min read
วันที่ 12 ต.ค.65 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านชุมชนวัดรวก ต.บางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งมีมากกว่า 180 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขังมานานหลายอาทิตย์ จนวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมาระดับน้ำสูงมากกว่าทุกวัน บ้านบางหลังท่วมจนถึงระดับหน้าอก เคยติดต่อขอความช่วยเหลือและทำหนังสือร้องไปที่ยังเทศบาลท้องถิ่น แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งน้ำขังจนส่งกลิ่นเน่าเหม็น การเดินทางสัญจรเข้าออกในชุมชน ข้าวของเสียหายหลายอย่าง สวนทุเรียนของชาวบ้านก็เสียหายจนต้องปล่อยให้ยืนต้นตาย กระสอบทรายก็ไม่มีมาช่วยจนชาวบ้านต้องเข้าไปขอจากทางเทศบาลด้วยตัวเองแต่หน่วยงานทั้ง 3หน่วยงาน ได้แก่ อบต.บางสีทอง,เทศบาลตำบลบางไผ่ และเทศบาลเมืองบางศรีเมือง กลับยังไม่มีการลงมาช่วยเหลือชาวบ้านเนื่องจากชุมชนวักรวกเป็นพื้นที่รอยต่อของทั้ง3หน่วยงาน ตอนนี้ชาวบ้านร้องขออยากให้ช่วยเหลือด่วนในเรื่องของการสร้างสะพานสำหรับใช้เดินทางเข้าออกและเรื่องของกลิ่นน้ำเน่าเสีย
หากมีลูก EM Ballมาช่วยในเรื่องของน้ำเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นได้จะดีมาก และในเรื่องของการปิดทางระบายน้ำฝั่งบางศรีเมืองไม่ให้ระบายน้ำมายังฝั่งบางสีทองได้ หรือจนกว่าระดับน้ำจะลดลง
นาย เสกสรร เปี่ยมเอม อายุ 40 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนวักรวกตั้งแต่เกิด กล่าวว่า น้ำท่วมมาได้จะ2อาทิตย์แล้ว แต่ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มาลงพื้นที่ดูแล ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร เพราะตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนไปหมด ห้องน้ำเข้าไม่ได้ บางหลังน้ำท่วมถึงระดับเอว บางหลังถึงระดับอก สะพานไม้ที่เคยขอไปก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เคยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลบอกว่าเข้าไปเบิกไม้ได้ แต่ให้ชาวบ้านทำสะพานกันเอง อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ส่วนเรื่องห้องน้ำอยากให้ทางเทศบาลเข้ามาดูด้วยตนเองดีกว่า ว่าจะช่วยยังไงได้บ้าง ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่ต้องอาศัยห้องน้ำวัดเพราะที่บ้านตัวเองเข้าไม่ได้ ตอนนี้พระเองก็เข้าห้องน้ำวัดไม่ได้แล้วเช่นกัน ทั้งชาวบ้านทั้งพระไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้แล้ว วอนเจ้าหน้าที่เข้ามาดูบ้างไม่ใช่รอชาวบ้านที่เดือดร้อนอยู่ที่เทศบาลอย่างเดียว แล้วให้ประชาชนวิ่งเข้าไปหา มันไม่สะดวกเพราะบางคนต้องเฝ้าบ้านของตัวเองคอยดูระดับน้ำว่าจะท่วมเข้าบ้านรึเปล่า ต้องให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเข้ามาดูความเดือดร้อนของประชาชนจะได้รู้ว่าเขาลำบากกันขนาดไหน มาดูแลลูกบ้านให้เหมือนตอนที่มาหาเสียง และอยากจะบอกว่าน้ำท่วมมันไม่เลือกพื้นที่ มันท่วมก็ท่วมหมดไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใคร
ส่วน น.ส. จันร์ฉาย ศรีชู (สวมเสื้อสีแดง) อายุ 54 ปี ชาวบ้านในชุมชนและเจ้าของสวนทุเรียน กล่าวว่า ตอนนี้ทั้งบ้านและสวนทุเรียนเสียหายหมดแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วเพราะน้ำท่วมขังมาเกือบ2อาทิตย์แล้ว ทำไมทางผู้ใหญ่ถึงไม่ประชุมร่วมกันหาทางออก ทั้งบางศรีเมือง บางไผ่ และบางสีทอง ว่าจะทำยังไงไม่ให้น้ำมาขังอยู่ในพื้นที่บางสีทอง อันนี้อะไรเราอยู่ตรงกลาง พื้นที่บางศรีเมืองปล่อยน้ำมา ให้เราที่ชาวบางสีทองที่อยู่ตรงกลางรับน้ำ แต่ไม่สามารถระบายน้ำออกไปทางบางไผ่ได้ ถึงบางวันจะระบายน้ำออกไปได้ แต่ปริมาณน้ำที่ระบายออกมันน้อยกว่าปริมาณน้ำที่เข้ามา สะสมเข้ามันก็กลายเป็นน้ำท่วมขังอยู่แบบนี้ พื้นที่ตรงกลางอย่างชุมชนวัดรวกก็ต้องรับเคราะห์เพราะไม่มีที่ระบายน้ำ อย่างน้อยๆช่วยหาเครื่องสูบน้ำมาช่วยระบายน้ำออกหน่อย ถ้ากลัวว่าเครื่องสูบน้ำเครื่องใหญ่จะสูบน้ำไปทำให้บ้านเรือนหลังอื่นเสียหายก็หาเครื่องเล็กๆมาสูบก็ยังดีไม่ใช้ทิ้งปัญหาไว้แบบนี้ ยิ่งเวลาฝนตกน้ำยิ่งเยอะ เราเป็นชาวบ้านจะไปแก้ไขปัญหาอย่างไร ต้องให้ผู้ใหญ่เข้ามาแก้ไขทั้ง นายกบางสีทอง,นายกบางไผ่และนายกบางศรีเมือง เข้ามาคึยกันว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างไร
ทางด้าน นาง กนกอร สีเหลืองอ่อน(สวมเสื้อสีฟ้า) เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ตนอยู่กับพี่น้อง มีบ้าน3 หลัง โดยบ้านของน้องชายที่อยู่ด้านหลังจมน้ำไปแล้วเหลือแต่บ้านของตนกับน้องสาวที่ยังพออาศัยอยู่ได้ บ้านของตนเป็นบ้านที่สร้างมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ซึ่งยังไม่มีบ้านหลังอื่น พื้นที่จึงต่ำกว่าบ้านหลังอื่น เวลาน้ำท่วมก็ได้รับผลกระทบหนัก ตอนนี้ระดับน้ำภายในบ้านช่วงวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ถึงระดับหน้าอก จึงต้องให้พ่อและแม่ซึ่งอายุเยอะแล้วขึ้นไปอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน ขอสะพานไม้เพื่อใช้สำหรับเข้าออกก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนเพราะในซอยมีรถวิ่งเข้าออก เจ้าหน้าที่จึงมาทำให้เฉพาะหน้าบ้านเข้าไปยังภายในบ้าน แต่ตนเองก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกันเนื่องจากเวลามีรถเข้าออกก็จะมีคลื่นกระแทกเข้าไปในบ้าน ข้าวของที่ตนยกขึ้นสูงก็โดนคลื่นกระแทกจนตกลงมาเสียหายหมด โดยบ้านที่ตนอยู่นี้ก็ถือเป็นรอยต่อของทั้ง2หน่วยงานคือ อบต.บางไผ่ และเทศบาลตำบลบางสีทอง โดยบ้านตนสร้างอยู่ในพื้นที่ อบต.บางไผ่ แต่พอเลยรั้วไปก็เป็นพื้นที่ของอีกหน่วยงานนึง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำยังไงตอนนี้ลำบากมาก จะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ได้เพราะเป็นห่วงพ่อและแม่ซึ่งแก่แล้ว