“บิ๊กโจ๊ก” แจงทูตตำรวจรัสเซีย ซากโครงกระดูกชาวรัสเซียที่พบ ไม่ได้ถูกฆาตกรรม
1 min readจากกรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.65 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุพบศพไม่ทราบชื่อ ที่บริเวณป่าละเมาะเนินเขาขี้แรด อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี สภาพศพเหลือแต่โครงกระดูก บริเวณรอบๆ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบกระเป๋าคาดเอว ภายในพบหนังสือเดินทางระบุชื่อ นายนิกิต้า เกรกอเยฟ อายุ 30 ปี สัญชาติรัสเซีย
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งประสานญาติของผู้เสียชีวิตรวมทั้งหน่วยงานและสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ทราบรายละเอียดการเสียชีวิต ของนายนิกิต้า ฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.,พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 , ชุดปฏิบัติการสืบสวน ภ.8 ร่วมกับ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยว เร่งพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิต และรวบรวมพยานหลักฐาน เรียบเรียงช่วงเวลาที่ผู้เสียชีวิตอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.65 นายนิกิต้า ผู้ตาย ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางสนามบินนานาชาติภูเก็ต โดยเดินทางมากับ นายอีกอ พันฟีลอฟ อายุ 36 ปี สัญชาติรัสเซีย จากนั้นได้ท่องเที่ยวและเข้าพักอยู่ภายในจังหวัดภูเก็ต และมีการขอต่อวีซ่าอีก 60 วัน จากกรณีโรคระบาดโควิด จะครบกำหนดวันที่ 30 ต.ค.65 แต่นายอีกอฯ ได้เดินทางกลับประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 7 ส.ค.65 นายนิกิต้าฯ จึงพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.65 นายพาเวล เชตเวอตินอฟสกี้ อายุ 35 ปี สัญชาติรัสเซีย เดินทางจากรัสเซีย มาเที่ยวและพักผ่อนเป็นเพื่อนนายนิกิต้าฯ โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ย.65 นายพาเวลฯ ได้ชวนนายนิกิต้าฯ มาเที่ยวงานเทศกาลฟูลมูนที่เกาะพะงัน จึงได้เช่ารถยนต์ขับกันมา ตั้งใจจะมาเที่ยวประมาณ 3-4 วัน ระหว่างนั้น นายนิกิต้าฯ มีอาการป่วย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
ต่อมาวันที่ 13 ก.ย.65 เวลา 08.00 น. นายพาเวลฯ จึงพานายนิกิต้าฯ ไปพบแพทย์ที่ รพ.เกาะพะงัน เบื้องต้นแพทย์ต้องการให้นายนิกิต้าฯ เข้าพักที่ รพ. เพื่อดูอาการ แต่นายนิกิต้าฯ ไม่ยินยอม และเดินออกจาก รพ. ไปทางเชิงเขาขี้แรด และหายตัวไป จนต่อมาวันที่ 15 ก.ย.65 นายพาเวลฯ เห็นว่านายนิกิต้าฯ ยังไม่กลับมาจึงได้แจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง ก็ได้ออกตามหาโดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดโดยรอบ และสอบถามจากชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณเชิงเขาขี้แรดเป็นพื้นที่ป่าและสวนมะพร้าว จึงได้มีการเดินสำรวจพื้นที่เพื่อติดตามหาร่องรอยของนายนิกิต้าฯ จนเมื่อวันที่ 12 ต.ค.65 ได้มีการพบโครงกระดูกของนายนิกิต้าฯ ผู้ตาย
วันนี้ (19 ต.ค.65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จึงได้เชิญผู้แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซีย เพื่อนของผู้ตายร่วมรับฟังรายงานการสืบสวน สาเหตุการเสียชีวิตของนายนิกิต้าฯ รวมทั้งชี้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสืบสวนการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเพื่อให้สิ้นข้อสงสัย รวมทั้งเพื่อประสานติดต่อญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยมีเหตุเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ จึงจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากที่มีการแจ้งความหายและการพบศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บูรณาการกำลังทุกภาคส่วนในการติดตามหาเบาะแสของผู้ตาย โดยขณะนี้รอผลการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช เพื่อทราบสาเหตุการตายที่ชัดเจน ในส่วนของการสืบสวนทราบว่า นายนิกิต้าฯ ได้มีอาการป่วยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกาะพะงัน แต่ไม่ยินยอมนอนพักรักษาตัว โดยหนีออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนจะพบเป็นศพเสียชีวิตดังกล่าว