“บิ๊กโจ๊ก” สั่งดำเนินคดีชุดจับ หลังพบเรียกรับ 2 แสนแลกผู้ต้องหาคดียาเสพติด
1 min readจากกรณีเมื่อวันที่ 17 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 6 นายได้จับกุมตัว นายธนกร หรือโด่ง สุวรรณชนะ พร้อมยาบ้า จำนวน 10 มัด (รวม 20,000 เม็ด) ดำเนินคดีในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย จากนั้นได้นำตัวไปขยายผลล่อซื้อยาเสพติดเพิ่มเติม ก่อนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือ ชิงยาบ้าของกลางพร้อมรถของเจ้าหน้าที่ หลบหนีไป เหตุเกิดที่ที่ทำการกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ต่อเนื่อง บนถนนนิคมสายโท (ศาลาเขียว) หมู่ที่ 11 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว และเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นเหตุที่คนร้ายก่อเหตุด้วยความอุกอาจพร้อมอาวุธสงครามโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.ศิรโกศล ปราบกรี ผกก.สภ.รัตภูมิ เร่งทำการสืบสวนคดีดังกล่าว
จากการสืบสวนคดีดังกล่าวพบว่า หลังจากที่ชุดจับกุมได้นำตัวนายธนกรฯ มาควบคุมที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลาที่ 1 แล้ว ระหว่างการควบคุมตัวนายธนกรฯ ดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการเรียกรับเงินสด 1,000,000 บาท หรือยาบ้า 200,000 เม็ด เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีและปล่อยตัวนายธนกรฯ หลังจากนั้นนายธนกรฯ ได้ติดต่อญาติ เพื่อให้หาเงินหรือยามาแลกกับตน แต่ญาติไม่สามารถหาเงิน หรือยาบ้ามาแลกตัวนายธนกรฯได้ จากนั้นได้มีการต่อรองโดยขอแลกตัวนายธนกรฯ กับการนำยาไอซ์ จำนวน 8 กิโลกรัม และเงินสด จำนวน 200,000 บาท ทางชุดจับกุมตกลง และได้นัดหมายแลกเปลี่ยนตัวกันที่บริเวณศาลาเขียวริมถนนที่เกิดเหตุ ในวันที่ 18 ต.ค.65 ช่วงเวลาเกิดเหตุ เมื่อถึงเวลานัดหมาย โดยมีชุดจับกุม 5 คน นั่งรถยนต์ไปรอที่จุดนัดหมาย ส่วนนายธนกรฯ จะมีชุดจับกุม 1 นาย แยกไปคุมตัวอยู่ในรถกระบะอีกคันหนึ่ง จอดอยู่ห่างๆ จากนั้นจึงได้มีกลุ่มแก็งค้ายาเสพติดทั้งหมด 9 คน ขับรถจำนวน 3 คัน มาล้อมรถไว้ จากนั้นได้ลงมาก่อเหตุชิงยาบ้าพร้อมรถของชุดจับกุม พร้อมอาวุธปืนไป ก่อนจะทิ้งชุดจับกุมไว้ข้างทางแล้วหลบหนีไป
ในส่วนของชุดจับกุม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลา ออกหมายจับชุดจับกุมทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย
จ่าเอกไพรัช แก้วมณี ผู้ช่วยปกครองจังหวัดสงขลา ปฏิบัติหน้าที่ประจำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา (พิฆาตไพรี)
นายเฉลิมศักดิ์ ทองแจ้ง สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน
นายเลิศฤทธิ์ ไชยพฤกษ์กุล สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน
นายอดิศักดิ์ หวังนิ สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน
นายพิษณุ รัตนอุไร สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน
นายสุทธิพงษ์ สุวรรณชาตรี สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน
โดยทั้ง 6 คน จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 รายตามหมายจับเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของแก๊งค้ายาเสพติด ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วจำนวน 6 ราย ยังต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3 ราย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ แต่ไม่นำตัวส่งดำเนินคดี กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัวและของกลาง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจที่กฎหมายกำหนด แต่กลับละเลยและนำมาหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ดังนั้นจึงต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ในส่วนของแก๊งค้ายาที่ก่อเหตุชิงยาบ้าอย่างอุกอาจ ในวันนี้ติดตามจับกุมได้เกือบหมดแล้ว ยังเหลือบางส่วนที่อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุม ซึ่งตอนนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว
คลิกชมคลิป…