เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่วัดบ้านคูบ ตำบลคูบ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ พระญาณวิเศษ วิ. (หลวงปู่สุพรรณ กนโก) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ(ธ) และนายสุพจน์ ไชยกุฉินปลัดอำเภอชำญาการพิเศษ รักษาราชการแทนนายอำเภอน้ำเกลี้ยง เป็นประธานจัดกิจกรรมวันครบรอบวันละสังขาร หลวงปู่ทอง ปภากโร ครบรอบ 2 ปี ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่รัชกาลที่ 9
โดยมีนายบุญเลิศ ภาคะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูบ นำพุทธศาสนิกชนชาวตำบลคูบ อำเภอน้ำเกลี้ยงและจังหวัดศรีสะเกษร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก มีกิจกรรมประกอบไปด้วยกิจกรรมนุ่งผ้าไทยผ้าพื้นเมืองทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พิธีเปลี่ยนจีวรหลวงปู่ทอง ณ เจดีย์ที่ตั้งสังขารหลวงปู่ และพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลท้าวเวสุวรรณบูชาครูรุ่น 1 จากเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดศรีสะเกษ เช่นพระญาณวิเศษ วิ.(หลวงปู่สุพรรณ กนโก) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ(ธ) วัดซำตาโตง พระครูสุทธิธรรมพิทักษ์ ผ.ศ.ดร. (หลวงปู่วัลลภ ฐิติธ้มโม) วัดสว่างวารีรัตนาราม หลวงปู่เสาร์ ถาวโร วัดป่าเมธีธรรมราม พระวรกิจคุณากร วัดบ้านคูบ พระครูมงคลชัยสิทธิ (หลวงปู่เสียน โสปาโก) วัดชัยมงคล หลวงพ่อพรชัย พุทธสาโร สำนักสงฆ์น้ำย้อย หลวงพอ่เจียม วัดโนนเรือ และหลวงปู่วิเชียร วิมโล วัดบ้านเสมอใจ
ทั้งนี้เพื่อเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบามสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระวันล่ะสังขารของหลวงปู่ นำเงินทำบุญบูชาวัตถุมงคลสร้างศาลาการเปรียญวัดบ้านคูบ และเพื่อส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นนุ่งผ้าไทยผ้าพื้นเมืองทำบุญตักบาตรให้เป็นเอกลักษ์วัฒนธรรมของอำเภอน้ำเกลี้ยงแบบยั่งยืนต่อไป จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญบูชาวัตถุมงคลท้าวเวสุวรรณบูชาครูรุ่น 1 สร้างศาลาการเปรียญวัดบ้านคูบ ติดต่อสอบถามราละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นายบุญเลิศ ภาคะ นายก อบต.คูบ และคณะกรรมการวัดบ้านคูบ ตำบลคูบ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ โทร.0897174279
นายบุญเลิศ ภาคะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูบ กล่าวว่า หลวงปู่ทอง วัดบ้านคูบพระเกจิชื่อดังอีสานใต้ หมู่ ๓ ด คูบ อ.น้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ เคร่งครัดในศีลาจารวัตร อ่อนน้อม ถ่อมตน สันโดษ พูดน้อย สมถะเรียบง่าย ชาวบ้านในจังหวัดแถบชายแดนอีสานใต้ให้ความเสื่อมใสศรัทธาเป็นศิษย์สืบสายธรรมสำเร็จลุน พระเกจือาจารย์แห่งนครจำปาศักดิ์ สปป.ลาว มีนามเดิมว่า นายทอง สิงห์ซอม ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2449 ปีมะเมีย ในปลายสมัยรัซกาลที่ 5 พื้นเพเป็นซาวบ้านคูบ หมู่ 3 ต.บ้านคูบ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ บิดา-มารดาชื่อนายดอ และนางสิงห์ สิงห์ชอบ ประกอบอาชีพทำนา ขณะมีอายุ 49 ปี อุปสมบทที่พัทธสีมา วัดบ้านคูบ ต.คูบ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ครองผ้ากาสาวพัสตร์นานหลายปี จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านคูบ ในสมัยนั้นไม่รับสมณศักดิ์ ทำนุบำรุงพัฒนาเสนาสนะอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะลาออกในเวลาต่อมา และสึกไปใช้ชีวิตเป็นฆราวาส อายุ 72 ปี เข้าพิธีอุปสมบทครั้งที่ 2 ที่อุโบสถวัดสว่างวารีรัตนาราม มีพระครูสุทธิธรรม หรือหลวงปู่วัลลภ เจ้าคณะอำเภอน้ำเกลี้ยง เป็นพระอุปัชฌาย์ ปวารณาครองผ้าเหลือง มุ่งสู่แดนธรรมตามรอยพระพุทธศาสนาด้วยความมุ่งมั่น หลังจากนั้นจึงเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาด้านชายแดน จ.ศรีสะเกษ ก่อนจะเดินทางข้ามฝั่งประเทศลาวและกัมพูชา เพื่อนั่งปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานนาน 1 ปี จึงลัดเลาะตะเข็บชายแดนมาทางด้าน จ.อุบลราซธานี เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่มาตุภูมิฝั่งไทย นับแต่บวชรอบ 2 เป็นเพียงแค่พระลูกวัด ปัจจุบันมีพระครูวรกิจคุณากร (แป กตคุโณ) ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านคูบ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษและปฏิบัติศาสนกิจและกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัดมายาวนานหลายปี เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ อัญเชิญสังฆทานพระราชทานไปถวายที่วัดบ้านคูบ ด้วยสังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา จะรับเฉพาะกิจนิมนต์ในวัด เนื่องจากเดินไม่ค่อยคล่องตัว ส่วนนอกวัดจะรับกิจนิมนต์ในบางครั้ง เพราะต้องนั่งรถเซ็นวีลแชร์ ช่วงปีจฉิมวัย มีดำริจัดสร้างเจดีย์บูรพาจารย์ เพื่อไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องอัฐบริซาร เพื่อให้ซาวชุมชนตำบลคูบ มีสิ่งยืดเหนี่ยวจิตใจและอนุชนรุ่นหลัง ไว้ศึกษาเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือน เม.ย.2562 เป็นเจดีย์ลักษณะทรงทยประยุกต์ไทยอีสาน ฐานกว้างด้านละ 8 เมตร สูง 15 เมตร ตั้งงบสร้างไว้ 3.5 ล้านบาท จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2563 ยังขาดแค่กำแพงแก้วรอบ 4 ทิศ กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายณเดซน์ ดูกิมิยะ ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมคุณแม่แก้ว มารดา เดินทางมาถวายเครื่องอัฐบริชาร พร้อมทั้งกราบไหว้และดูแลจนเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ในวันที่ 25 ต.ค. 2563 และการประกอบพิธีสมโภชเจดีย์ มีพระเกจิชื่อตังนั่งอธิษฐานจิตหร้อมกับเสกวัตถุมงคลมอบเป็นที่ระลึกในงานสมโภชและมาทำบุญที่วัดถัดมาแค่ 1 เดือน ก็มีอาการอาหารด้วยโรคชรา เมื่อต้นเดือน พ.ย. มีอาการเหนื่อยล้าและแน่นหน้าอก ลูกศิษย์ที่ดูแลใกล้ชิดจึงรีบนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลกันทรารมย์ จ.ศรีฮะเกษ หลังกลับมาพักพื้นที่กูฏิวัดได้แค่ 1 สัปดาห์ มีอาการทรงตัวล่าสุดเช้าวันที่ 30 พ.ย. 2563 มีอาการเสมทะติดคอ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น พระลูกวัดที่คอยดูแลอาการ ช่วยกันดูแลอย่างใกลัชิด โดยได้ปลุกเรียกอยู่นานหลายครั้ง แต่ไม่ยอมดื่น จึงวิ่งมาเรียกลูกศิษย์และพระลูกวัดไปช่วยดูกระทั่งพบว่าสิ้นลมมอย่างสงบที่กุฏิ เมื่อเวลา 10.14 น. สร้างความเศร้าสอดแก่พุทรศาสนิกชนและศิษยานศิษย์ทั่วประเทศ
ข่าว/ภาพ บุญทัน – ปฐมพงษ์ ธุศรีวรรณ
รายงานข่าวจากจังหวัดศรีสะเกษ