อังคาร. พ.ย. 26th, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคม. ร่วมกับกรมการจัดหางาน จับกุมขบวนการหลอกขายฝันแรงงานไทย บังคับค้ากามดูไบ

1 min read

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ุม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ, พ.ต.อ.กฤตัสญ์ บำรุงรัตนยศ, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภคพล สุชล, พ.ต.ท.ปรัชญา บุญยืน รอง ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง, พ.ต.ท.อภิชา เทพจันทร์ สว.กก.5 บก.ปคม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.

ร่วมกับกรมการจัดหางาน นำโดย นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ดังนี้

น.ส.นันทพรฯ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2569/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2565 สถานที่จับกุม ซ.นวมินทร์ 70 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

นายภานุวัฒน์ฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2568/2565 ลง 22 พ.ย.2565 สถานที่จับกุม ซ.คลองบางวัด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

น.ส.จรรยาฯ หรือปุ้ย อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2747/2565 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2565 สถานที่จับกุม ม.1 ต.บางปู อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ

พฤติการณ์ในคดี สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือน พ.ย. 2564 นายภานุวัฒน์ฯ (หนึ่งในผู้ต้องหา) ได้ชักชวนนายบี (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยอ้างว่างานดังกล่าวมีรายได้ดี ได้เงินประมาณ ๘๐,๐๐๐ บาท/เดือน ลักษณะงานเป็นงานนวดสปาแผนไทย มีที่พักและอาหารให้ หากผู้เสียหายสนใจจะดำเนินการเรื่องหนังสือเดินทางให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และก่อนไปเดินทางไปทำงานจะมีการเทรนงานให้อีกด้วย ซึ่งเมื่อผู้เสียหายสนใจ นายภานุวัฒน์ฯ จึงได้ให้ผู้เสียหายติดต่อไปพูดคุย น.ส.จรรยาฯ หรือปุ้ย (แม่แทรค/นายหน้า) เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ จนภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงตกลงไปทำงานนวดสปาแผนไทยดังกล่าว

โดยในวันที่ 15 พ.ย. 2564 กลุ่มผู้ต้องหาได้นัดให้ผู้เสียหายไปพบกับนางสาวนันทพรฯ หรือหนิง เพื่อรับเทรนงานก่อนที่ผู้เสียหายจะเดินทางไปทำงาน โดยใช้เวลาเทรนงานประมาณ 2-3 วัน

ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 2564 ผู้เสียหายได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตามวันเวลาที่กลุ่มผู้ต้องหากำหนด โดยมีหญิงไทย ไม่ทราบชื่อสกุล และชายสัญชาติอินเดีย มารอรับที่สนามบิน ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้ยึดหนังสือเดินทางของผู้เสียหายไว้ และหลังจากนั้นได้พาผู้เสียหายไปพบหญิงชาวจีน ไม่ทราบชื่อสกุล เพื่อไปเริ่มงานที่ร้านนวดแห่งหนึ่งที่เมืองดูไบ โดยผู้เสียหายพบว่าร้านนวดดังกล่าวมีการค้าประเวณี โดยมีนายนิกกี้ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง สัญชาติปากีสถาน และนายอาหลิว สัญชาติจีน (ผู้จัดการร้าน) บังคับให้ผู้เสียหายขายบริการทางเพศ โดยจะให้ค่าตัวครั้งละ 100 ดีแฮห์ม หรือประมาณ 900 บาท แต่จะต้องจ่ายให้ทางร้าน ครั้งละ 50 ดีแฮห์ม หรือประมาณ 450 บาท เป็นการหักชำระหนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 71,000 บาท ซึ่งทางผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มผู้ต้องหาบังคับ ข่มขู่ ให้ขายบริการทางเพศเรื่อยมา เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินชดใช้หนี้ดังกล่าว จนกระทั่งภายหลังผู้เสียหายถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านนวดเเห่งใหม่ ซึ่งเป็นร้านของนายอีซี่ ไม่ทราบชื่อนามสกุล สัญชาติไนจีเรีย ผู้เสียหายจึงได้ปรึกษากับเพื่อนในร้าน และติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางญาติ จนได้รับการช่วยเหลือส่งตัวกลับมายังประเทศไทย

หลังจากนั้นจึงได้มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับกลุ่มขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 7 ราย ดังนี้

๑. นายภานุวัฒน์ฯ อายุ 36 ปี ทำหน้าที่ติดต่อชักชวนผู้เสียหายให้ไปทำงาน
๒. นางสาวนันทพรฯ อายุ ๔๕ ปี ทำหน้าที่เทรนงาน จัดการดำเนินการต่างๆ
๓. นางสาวจรรยาฯ อายุ 32 ปี ทำหน้าที่โพสต์ชักชวน โฆษณาหางาน ติดต่อประสานงานเกี่ยวกับการเดินทาง และประสานงานเจ้าของร้านนวดที่เมืองดูไบ
๔. นายนิกกี้ ไม่ทราบชื่อนามสกุล สัญชาติปากีสถาน อายุประมาณ ๓๐ ปี ทำหน้าที่ บังคับ ข่มขู่ให้ ผู้เสียหายทำงานขายบริการทางเพศ
๕. นายอาหลิว ไม่ทราบชื่อนามสกุล สัญชาติจีน อายุประมาณ ๒๒ ปี ทำหน้าที่เก็บเงินค่าบริการทางเพศเป็นค่าแทรคที่ต้องใช้หนี้ และบังคับ ข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำงานขายบริการทางเพศ
๖. หญิงไม่ทราบชื่อนามสกุล สัญชาติจีน อายุประมาณ ๔๘ – ๕๐ ปี ทำหน้าที่ รับ-ส่ง ผู้เสียหายจากสนามบินไปยังร้านนวดที่เมืองดูไบ
๗. นายอีซี่ ไม่ทราบชื่อนามสกุล สัญชาติไนจีเรีย อายุประมาณ ๒๕ ปี ทำหน้าที่ บังคับ ข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำงานขายบริการทางเพศ

ในข้อกล่าวหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดคนหนึ่งคนใด ได้ลงมือกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามที่ได้สมคบกัน ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ ก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบด้วยความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิด คลองธรรมหรือข่มขืนใจด้วยประการใดๆ ฯลฯ ” โดยมีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 4- 10 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000 – 200,000 บาท
ต่อมาในวันที่ 2๔ พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. สามารถจับกุม น.ส.นันทพรฯ และนายภานุวัฒน์ฯ ผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์ดังกล่าวได้ โดย น.ส.นันทพรฯ ให้การว่า ตนทำหน้าที่ดูแลผู้เสียหายก่อนจะพาเดินทางไปต่างประเทศ โดยตนจะสอนนวด และเทรนงานต่างๆ ได้ค่าเทรนคนละ ๓,๐๐๐ บาท จาก น.ส.จรรยาฯ ในส่วนนายภานุวัฒน์ฯ ให้การว่า ตนพบโฆษณาเชิญชวนคนไปทำงานที่เมืองดูไบของ น.ส.จรรยาฯ ในกลุ่มเพจ Facebook ชื่อ “ร้านนวดสปา หางานต่างประเทศและในประเทศ” จึงได้ชักชวนให้ ผู้เสียหายไปทำงานดังกล่าว โดยให้ผู้เสียหายติดต่อโดยตรงกับ น.ส.จรรยาฯ ซึ่งตนจะได้ค่านายหน้า ๑๐,๐๐๐ บาท

ภายหลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ได้เเล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งติดตามจับกุมตัว น.ส.จรรยาฯ ผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการดังกล่าวที่ยังหลบหนีอยู่ โดยในวันที่ ๗ ธ.ค.๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๕ บก.ปคม. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 764/2565 เข้าทำการตรวจค้นและจับกุม น.ส.จรรยาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2747/2565 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านพัก ม.1 ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งจากการสอบถาม น.ส.จรรยาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าช่วงเดือน พ.ค. – พ.ย.65 ผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 4 ล้านบาท อีกทั้งยังพบข้อมูลการเดินทางของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานอีกเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่อยู่ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว และจะเร่งขยายผลติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ อีกต่อไป

สำหรับโพสต์โฆษณาชักชวนคนไปทำงานต่างประเทศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะพยายามชักจูงด้วยการแอบอ้างว่าการไปทำงานต่างประเทศนั้นไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย งานส่วนใหญ่รายได้ดี จนทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งในทางกลับกันอาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพที่ใช้หลอกเหยื่อให้ไปค้าประเวณี จนทำให้ประชาชนหลายคนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย
กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแก่พี่น้องประชาชนทั่วไป ดังนี้
๑. ฝากเตือนไปยังผู้ที่สนใจจะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ติดต่อโดยตรงกับกรมการจัดหางานเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการถูกหลอกลวง นอกจากนี้ กรมการจัดหางานยังมีสายตรวจออนไลน์ ทำหน้าที่ตรวจคุ้มครองการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงคนหางานโดยตรง สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสการหลอกลวงคนงาน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง
๒. ฝากเตือนไปยังกลุ่มนายหน้า บริษัทจัดหางาน กลุ่มนายหน้าหรือบริษัทจัดหางาน ในการโพสต์ชักชวนหรือโฆษณาการจัดหางาน เชิญชวนไปทำงาน จะต้องได้รับการอนุญาตจากกรมการจัดหางาน ตาม พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕28 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 88 หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากมีการบังคับทำร้ายอาจมีความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีอัตราโทษสูง

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.