งามไส้!!ผู้เสียหายนำหลักฐาน ร้อง ผบ.ตร.อ้างมีตำรวจโรงพักพยายามมาเอารถของกลางคดีไปให้เจ้าของที่ไม่มีกรรมสิทธิ์
1 min readวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พาผู้เสียหาย 2 ราย ที่ถูกขบวนการเต็นท์รถมือสองฉ้อโกงและปลอมแปลงใช้เอกสารปลอม หลอกขายรถยนต์ให้ผู้เสียหายจำนวน 4 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,390,000 บาท เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. หลังได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้กับตำรวจกองปราบปรามแต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง กรณีผู้เสียหายได้ซื้อรถจากเต็นท์รถแห่งหนึ่งจำนวน 4 คัน ซึ่งได้จ่ายเงินสดแต่ไม่ได้ใบเล่มรถจึงมีการแจ้งความกับเจ้าของเต็นท์รถฐานใช้เอกสารปลอมร่วมกันฉ้อโกง แต่ระหว่างนี้ทางกองปราบปราบได้ประสานให้เก็บรถของกลางจำนวน 4 คันไว้ ต่อมาเห็นว่าเรื่องนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงได้ส่งเรื่องให้ สอท.ดำเนินการ แต่ปรากฎว่าได้มีตำรวจ สภ.หนองขาม จะมาเอารถของกลางไป 1 คัน แต่ผู้เสียหายให้ไม่ได้เพราะหากจะมาเอาต้องเป็นตำรวจกองปราบหรือ สอท.มารับไปเท่านั้น แต่ตำรวจ สภ.หนองขาม ก็จะมาเอาให้ได้ทั้งที่ไม่มีหมาย แม้ผู้เสียหายจะแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แต่ยังมีความพยายามจากตำรวจ สภ.หนองขาม โดยอ้างว่าเจ้าของรถได้ให้ผู้อื่นเช่าและมีการยักยอกไปจนมาพบรถที่เต็นท์ จึงต้องการมาเอารถ แต่เจ้าของรถที่เป็นกรรมสิทธิ์ตัวจริงเป็นธนาคารแห่งหนึ่งที่ติดไฟแนนซ์อยู่ ซึ่งมีการขายดาวน์ให้เต้นรถใหญ่ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังและหนีไปแล้ว ต่อมาพบว่าอีกฝ่ายมีการแจ้งความไว้ที่สน.หลักสอง และตำรวจได้มีหมายเรียกให้ผู้เสียหายขับรถของกลางไปให้ที่ สน.หลักสอง จึงมองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ อยากให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่คดีนี้ สอท .และกองปราบดูแลแล้ว แต่ตำรวจโรงพัก ทำไมถึงอยากได้รถของกลางอ้างจะเอาไปให้เจ้าของรถ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถ ต้องการจะเรียกรถเพื่อเอาไปคืนใครและตำรวจได้เช็คกรรมสิทธิ์รถก่อนออกหมายหรือไม่ อีกทั้งยังมีการข่มขู่จะดำเนินคดีกับผู้เสียหายอ้างว่ารับของโจร
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ตำรวจตกเป็นเครื่องมือของขบวนการเหล่านี้ และอยากให้ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบของกลางทั่วประเทศว่าใครเอาไปใช้ และจอดอยู่อย่างไร ที่จอดรถของกลางมีการได้เสียผลประโยชน์อะไรบ้าง เพราะที่ผ่านมามีคนเดือดร้อนเรื่องของกลางหาย ไม่อยากให้ตำรวจเป็นเครื่องมือมาเอารถของกลางไปคืนคนที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ เพราะจะโดนปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157 โดยเฉพาะคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากเกรงว่าขบวนการยุติธรรมอาจบิดเบี้ยว จึงมาขอความเป็นธรรม
ด้าน น.ส.ธัญทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองไม่อยากจะเก็บของกลางไว้อยู่แล้วอยากส่งมอบให้ สอท.อย่างถูกต้อง ไม่ใช่ส่งมอบแบบนี้ ซึ่งการที่อีกฝ่ายอ้างว่ารถคันนี้ให้เช่าและรถถูกยักยอกไปมาตามเจอที่เราก็จะมาเอารถส่งคืนให้เจ้าของรถ ถ้าไม่ให้ก็จะดำเนินคดีกับตนเองฐานรับของโจรให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าเรายอมไม่ได้ เพราะตอนที่ไปแจ้งความกองปราบปรามก็บอกว่าเป็นของกลางต้องเก็บไว้ เพราะหากนำไปมอบคนอื่นก็อาจจะมีความผิดไปด้วย