ตม.จว.จันทบุรี จับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 5 ราย
1 min readตม.จว.จันทบุรี บูรณาการร่วม ทหารชค.ทพ.นย.4 , ตร.ชุดปฏิบัติการ 5 ศปอส.ตร. (PCT5), ตร.กก.สืบสวน2 บก.สส.ภ.2 , ตร.กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี , ตร. บก.สอท.3 และสภ.โป่งน้ําร้อน จับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 5 ราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจครเข้าเมืองจ..จันทบุรี นำโดย พ.ต.อ.เฉลิมชนม์แหลมทอง ผกก.ตม.จว.จันทบุรี ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ศวัส โชติรณพัส รอง ผกก.ตม.จว.จันทบุรี นํากําลัง จนท.ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ร่วมกับ ทหาร ชค.ทพ.นย.4 , จนท.ตร.ชุด ปฏิบัติการ 5 ศปอส.ตร. , จนท.ตร.กก.สืบสวน2 บก.สส.ภ.2 , จนท.ตร.กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี , จนท.ตร. บก.สอท.3 และ จนท.ตร.สภ.โป่งน้ําร้อน ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันฉ้อโกงโดย แสดงตนเป็นคนอื่น , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนําเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” จํานวน 5 หมายจับ รวมผู้ต้องหาคนไทย จำนวน 5 คน โดย จนท.ชุดจับกุม ได้ประสานงานร่วมกัน และจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่บริเวณ ริมถนนสาธารณะ ม.4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ําร้อน จ.จันทบุรี
พฤติการณ์ในการจับ กล่าวคือ จนท.ชุดจับกุมดังกล่าวข้างต้น ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 และได้ประสานการปฏิบัติงานกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดปฏิบัติการที่5 (PCT5) นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หัวหน้าชุด ฯ ทำการสืบสวนขยายผล กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในหลายรูปแบบ ที่ก่ออาชญากรรมโทรมาหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย และลักลอบตั้งออฟฟิศที่ทำการอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โดยมีกลุ่มคนจีน/ไต้หวัน ร่วมกับคนไทยที่แอบหลบหนีออกนอกอาณาจักรไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อข้ามฝั่งไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา แล้วเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยและคนต่างชาติซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก จึงได้สั่งให้มีการดำเนินการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้ประชาชนมีความสงบสุขต่อไป
จากการสืบสวนร่วมกันคดีนี้ได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้ตั้งแก๊งอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทยหลายคน โดยคนร้าย อ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลอกว่ามีคนเอาเอกสารของผู้เสียหายไปเช่ารถยนต์ คันพบยาเสพติด ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วให้มีการพูดคุยผ่านไลน์เพื่อส่งเอกสารปลอมหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต้องโอนเงิน มาตรวจสอบหรือให้ติดตั้งแอป “DSI” เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามคนร้าย จนกระทั่งผู้เสียหายสูญเสียเงินในบัญชีโอนออกไปไม่รู้ตัว ผู้เสียหายมีจำนวนหลายรายเป็นเงินหลายล้านบาท พนักงานสอบสวนกก.1 บก.สอท.3 ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมาย และได้ขออนุมัติศาลอาญาให้ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องดังกล่าวไว้เเล้ว
ต่อมา จนท.ชุดจับกุม ดังกล่าวข้างต้น ได้รับแจ้งจากสายลับขอปิดนาม ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ จะลักลอบเดินทางกลับเข้ามาใประเทศไทย จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และร่วมกันวางแผนเฝ้าสังเกตุการณ์ตามสถานที่ต่างๆที่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะลักลอบเดินทางกลับเข้ามาเพื่อจะได้จับกุม
ต่อมา จนท.ชุดจับกุม ได้พบผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย สวมใส่เสื้อผ้า และมีรูปร่างลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งมา จนท.ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับของศาลอาญาที่ 2705/65 , 2711/65, 2715/65, 2716/65 และ2719/65 ลงวันที่ 4 ธ.ค.65 ให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดู และแจ้งข้อความในหมายจับให้ทราบและเข้าใจข้อความตามหมายจับดังกล่าวดีแล้ว ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวนี้จริง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จนท.ชุดจับกุม จุงแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมตามหมายจับ และได้ร่วมกันควบคุมตัวผู้ถูกจับทั้ง 5 คน นําส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนขยายผลต่อไป
ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์รวมข่าวภาคตะวันออก