เลขา ปปส. ซัดกลับ น.1 ไม่มีคำสั่งห้าม ตร.ตรวจหลักฐานทรัพย์สิน ที่ตรวจยึดคดีจินหลิง
1 min readเลขา ปปส. ซัดกลับ น.1 ไม่มีคำสั่งห้าม ตร.ตรวจหลักฐานทรัพย์สิน ที่ตรวจยึดคดีจินหลิง ขณะที่ชูวิทย์นำหลักฐานทรัพย์สิน ตู้ห่าว กว่า 800 ล้านเข้ามอบให้ตรวจสอบ
วันนี้(29 ธ.ค.65) เวลา 13.30น.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน นำหลักฐาน วีดีโอการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.1 และคลิปที่นายตู้ห่าว ข่มขู่ผู้รับเหมา7 ราย มูลค่า 700-800 ล้านบาท ในการก่อสร้างศูนย์ผ้าไหม ศูนย์ยางพารา อพาร์ทเม้น และศูนย์ไข่มุก รวม 4 แห่งมามอบให้ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ปปส. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินที่มีหลักฐานชัดเจนว่า นายตู้ห่าว เป็นคนเซ็นเช็ค และมีการเบิกจ่ายเงินผ่านคนใกล้ชิด อักษรย่ อ.อ่าง ของ นายตู้ห่าว ไปยังผู้ประกอบการ
นายชูวิทย์ กล่าวว่าการแถลงข่าวชี้แจงคดีจินหลิงของ ผบช.น.เมื่อวานนี้เป็นการไม่พูดความจริงเป็นการพยายามโยนความผิดให้ ปปส.และหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะการเข้าไปตรวจรถยนต์หรูของกลางคดีจินหลิง ที่อ้างว่าเพิ่งเข้าไปตรวจสอบเพราะไม่มีกุญแจ และรหัสเข้า โดยมองว่าในวันที่เข้าไปตรวจค้นผับจินหลิงของตำรวจ เจ้าของรถก็อยู่ที่ร้านแต่กลับไม่ทำให้ครบถ้วน แต่กลับมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป ไม่ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ตอนแรก เหมือน เป็นการโยนความผิดให้ ปปส. ที่มีคำสั่งยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราว ทำให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบไม่ได้ อีกทั้งการเก็บหลักฐานอุปกรณ์ยาเสพติดในที่เกิดเหตุก็ไม่เก็บหมด แต่เลือกเก็บหลักฐานบางชิ้นที่ตรวจแต่กลับไม่พบสารเสพติด จึงอยากถามว่าทำงานกันอย่างไร และไม่มีการวางแผนอะไร
ส่วนการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ คนที่มานั่งแถลงข่าว กลับไม่ใช่คนที่ดูแลสำนวนคดีจินหลิง ทั้งๆที่คนที่ควรมานั่งแถลงข่าวต้อง พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ และพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น ซึ่งรับผิดชอบคดีโดยตรง โดยในอดีตพบว่า พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ เคยทำคดีทัวร์ศูนย์เหรียญที่ยกฟ้องไปแล้ว ส่วน ผบช.น.รายนี้ในอดีตที่ดำรงค์ตำแหน่ง ผู้การ จ.สระบุรี แต่ถูกคำสั่ง คสช. ม.44 ย้ายออกจากพื้นที่ในคดีปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ถึงแม้ว่าจะไม่พบความผิดก็ตาม แต่กลับถูกแต่ตั้งให้เป็น ผบช.น.ได้อย่างไร
ทั้งนี้ยืนยันว่าหลักฐานที่ตนเอาไปยื่นให้กับตำรวจนั้น ทางอัยการกลับเปิดเผยว่าไม่มีหลักฐานดังกล่าวในสำนวน เพราะหลักฐานดังกล่าว ไม่ถูกนำเข้าไปพิจารณาในการทำคดี จึงเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง ไปยัง สตช.ให้ย้าย ผบช.น.ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมองว่าไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะดำรงค์ตำแหน่งนี้
ภายหลังการมอบหลักฐานให้กับนายวิชัย ไชยมงคล รองเลขาธิการ ปปส. พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากนี้ทาง ปปส.จะนำเอกสาร หลักฐานตรวจทรัพย์สินที่นายชูวิทย์มอบให้ไปตรวจสอบ โดยเฉพาะที่ตั้งของทรัพย์สินว่ามีอยู่จริง หรือไม่ ใครเป็นเจ้าของ ซึ่งเบื้องตนเชื่อว่ามีมูลตามที่นายชูวิทย์กล่าวอ้าง แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบในรายละเอียด ก่อนที่จะมีคำสั่งต่อไป โดยเฉพาะทรัพย์ที่เสื่อมค่าเช่น รถยนต์ ทาง ปปส.จะทำการขายทอดตลาด และนำเงินสดมาเก็บไว้ในกองทุน ปปส. ส่วนทรัพย์สินที่ไม่เสื่อมค่า เช่น อสังหาริมทรัพย์ เพชร พลอย ทอง จะรอจนกว่าศาลจะมีคำสั่งให้ขายทอดตลาด พร้อมยืนยันว่าหลักฐานที่นายชูวิทย์นำมามอบให้วันนี้ ยังไม่มีข้อมูลจากหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะตำรวจ
ส่วนกรณีที่ทางตำรวจได้มีการเข้าไปตรวจยึดรถยนต์ในคดีผับจินหลิง ยืนยันว่าทางตำรวจได้มอบของกลางรถยนต์33คัน ไม่ใช่35คันตามที่เป็นข่าว ส่วนตัวอาคาร ปปส.พึ่งจะมีคำสั่งเข้าตรวจยึดเมื่อวันที่7 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ส่วนเมื่อเมื่อวาน( 27 ธ.ค.65)ที่ ปปส.ได้รวมกับตำรวจ เข้าไปตรวจสอบรถยนต์ ก็ได้มีการทำรายงานทรัพย์สินมอบให้กับ ปปส.แล้ว นอกจากนี้ที่ ผบช.น.อ้างว่าที่เข้าตรวจสอบ และเก็บหลักฐานล่าช้าเป็นเพราะปปส.มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบนั้น ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนมีอำนาจ และสามารถเข้าไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานได้ทุกเวลา เพียงแค่ประสานทางปปส.เข้ามาเท่านั้น
นายวิชัย เน้นย้ำว่า ตามระเบียบของ ปปส.ไม่ได้ห้ามให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจหลักฐาน แต่การที่ตำรวจไม่เข้าตรวจสอบตั้งแต่แรก โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งปปส.นั้น “ความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว”