เปิดยุทธการ “สยบสายฟ้า” จับแอดมินกลุ่มไลน์ลับ ข่มขืนเด็กอายุ 6 และ 10 ปี ค้ามนุษย์ บังคับเด็กถ่ายคลิปโพสต์ขายกลุ่มไลน์ลับ
1 min readพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายการบริหารราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวิสัยทัศน์ คือ “เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความสงบสุขของประชาชน” โดยมีนโยบายเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน และควบคุมแหล่งอาชญากรรมพื้นที่เสี่ยง แหล่งมั่วสุม แหล่งอบายมุข บุคคลเสี่ยง บุคคลเฝ้าระวังและผู้มีอิทธิพล
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีอำนาจหน้าที่ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเฉพาะทาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้กำชับให้ทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ดำเนินการสืบสวนขยายผลขบวนการค้ามนุษย์ ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย อย่างครบทุกมิติ
ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคม. ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ โดยพบชายซึ่งมีพฤติการณ์ตั้งตัวเป็นแอดมินกลุ่มไลน์ลับ ผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก นำไปเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ โดยมีการเรียกเก็บค่าสมาชิกก่อนเข้ากลุ่ม คนละ 200 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบสมาชิกในกลุ่มจำนวนเกือบ 200 คน โดยมี “แอดมินฟ้า” ทำหน้าที่เป็นแอดมินกลุ่ม คอยโพสต์คลิปวิดีโอกระทำชำเราเด็กลงในกลุ่ม อีกทั้ง “แอดมินฟ้า” ยังลงมือข่มขืนกระทำชำเราเด็กในคลิปเองอีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบเด็กที่ปรากฎอยู่ในคลิป พบว่าเป็น ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปีเศษ และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ปีเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด จนภายหลังทราบว่า “แอดมินฟ้า” คือ นายสายฟ้าฯ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 31/2566 ลงวันที่ 6 มกราคม 2566 ในข้อหา “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามกเด็กฯ” ซึ่งในระหว่างสืบสวน เจ้าหน้าที่พบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการนำเด็กชายทั้งสองออกมาค้าประเวณี โดยจะคิดค่าบริการครั้งละ 5,000 บาท ซึ่งในวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้ต้องหาได้ตกลงนัดหมายนำเด็กมาค้าประเวณี ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม
โดยในวันที่ 7 มกราคม 2566 เวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม โดยพบผู้ต้องหาขับขี่รถจักยานยนต์ ซึ่งมี ด.ช.เอ อายุ 10 ปี ซ้อนท้ายมาด้วย ซึ่งในขณะที่ผู้ต้องหากำลังรับเงินจากลูกค้าที่มาซื้อบริการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของเด็กทั้งสองราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการช่วยเหลือ และนำตัวส่งผู้ปกครอง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากการสอบถาม นายสายฟ้าฯ รับสารภาพว่าเป็นผู้พาเด็กมาค้าประเวณี และเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กในกลุ่มไลน์ลับจริง โดยนายสายฟ้าฯ ได้กระทำชำเรา ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปีเศษ และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ปีเศษ โดยจะพูดจาหว่านล้อม หลอกล่อให้เด็กยินยอมถ่ายคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกกับเงิน ของเล่น ของขวัญ หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในบางครั้งจะตกลงกับเด็กว่าจะซื้อสกิลทักษะตัวละครในเกมต่อสู้ (เช่น สกิลอิโนะสุเกะ รูปลักษณ์หมูป่า) ให้ หากเด็กยินยอมให้ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเจ้าหน้าที่พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายแสนบาท
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. พ.ร.บ.ค้ามนุษย์
1.1 ค้ามนุษย์จากการผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 15 ปี มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 8 ถึง 20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 800,000-2,000,000 บาท
1.2. ค้ามนุษย์จากการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 8 ถึง 20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 800,000-2,000,000 บาท
2. ประมวลกฎหมายอาญา
2.1 กระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท
2.2 ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็ก อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.3 เพื่อประสงค์แห่งการค้า เพื่อการแจกจ่าย ผลิตซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท