บุรีรัมย์ สิ้นแล้ว “หลวงปู่เหลือง” เกจิดังอีสานใต้ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 95 ปี 76 พรรษา
1 min read
บุรีรัมย์-สิ้นแล้ว หลวงปู่เหลือง เกจิดังแห่งอีสานใต้ เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง บุรีรัมย์ เมื่อคืนนี้ เวลา 02.45 น. ที่ โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชราภาพ
วันที่ 10 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพมงคลวัชราจารย์ ภานาวิธานโกศล โสภณประชาธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม ความวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ (หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ) เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ เกจิดังแห่งอีสานใต้ ได้มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชราภาพ เมื่อเวลา 02.45 น.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ สิริอายุได้ 95 ปี 76 พรรษา โดยบรรยากาศที่วัดกระดึงทอง ซึ่งมีลูกศิษย์และชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างพากันมาที่วัดจัดเตรียมงานเพื่อรอรับร่างของหลวงปู่ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ไม่นึกว่าหลวงปู่จะจากไปเร็วอย่างนี้
สำหรับประวัติพระเทพมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต) อายุ 95 ปี 76 พรรษา มีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว เกิดเมื่อวันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2470 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บ้านนาตัง ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ บิดาและมารดาคือ นายเที่ยง ทรงแก้ว และ นางเบียน ทองเชิด เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน
โดยพ.ศ. 2487 บวชเณรที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เจ้าคุณอริยเวที เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2490 อุปสมบทที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา มีพระญาณดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2501 ไปอยู่วัดกระดึงทอง พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะตำบลในเมือง, เป็นเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง พ.ศ. 2517 อบรมพระสังฆาธิการชั้นต้น พ.ศ. 2518 อบรมพระสังฆาธิการชั้นสูง พ.ศ. 2519 ได้รับสัญญาบัตร ที่ พระครูวิริยาภิวัฒน์ และเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2521 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์ (ธ) พ.ศ. 2522 ให้รักษาการแทน เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธ) พ.ศ. 2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. 2528 ได้รับตราตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระชินวงศาจารย์ พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชปัญญาวิสารัท จนถึงปัจจุบัน
พระเทพมงคลวัชราจารย์ เป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร และพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ ท่านเจริญรอยตามครูบาอาจารย์ คือ การแน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย แทบไม่มีใครจำสมณะศักดิ์ของท่านได้ เรียกกันแต่ว่า หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง ด้วยวัย 95 ปี จึงนับได้ว่า หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ท่านได้ดำรงธาตุขันและวิถีชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกสมมุตินี้ อย่างสมถะ แลเรียบง่ายมากที่สุด จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “พระอรหันต์เจ้าผู้ติดดิน”
สำหรับวัดกระดึงทอง ได้รับอนุญาตสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2512 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2516 กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีสิ่งปลูกสร้างเป็น ศาลาเอนกประสงค์ชั้นเดียว ศาลาการเปรียญ 2 ชั้น ความจุได้ 200 คน มีกุฎิ 23 หลัง สำนักงานเจ้าคณะจังหวังบุรีรัมย์(ธรรมยุต) มีศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ มีเด็กในศูนย์ 80 คน อุโบสถ 1 หลัง เมรุและศาลาบำเพ็ญกุศล โรงครัว 1 หลัง ห้องน้ำ 4 แห่ง จำนวน 46 ห้อง ส่วนกิจกรรมภายในวัด เป็นที่สอบธรรมสนามหลวง (ธรรมยุต) เป็นที่ประชุมพระสังฆาธิการในจังหวัด เป็นศูนย์อบรมจริยธรรมในนักเรียนกลุ่มอาชีวะ และการจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา