รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัย “รักออนไลน์” รับเทศกาลวาเลนไทน์ ย้ำ “เขาอาจจะคุยกับเรา เพราะแค่อยากได้เงินเรา”
1 min readรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัย “รักออนไลน์” รับเทศกาลวาเลนไทน์ ย้ำ “เขาอาจจะคุยกับเรา เพราะแค่อยากได้เงินเรา”
วันนี้ (12 ก.พ.66) เวลา 08.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสถิติและรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับความรักรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ให้ประชาชนมีสติ แนะวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ “รักเขา รักษาเงินในบัญชีตัวเองด้วย”
พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณฯ เปิดเผยว่าสถิติอาชญากรรมออนไลน์ประจำเดือน มกราคม 2566 จากศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ พบว่าสถิติคดีเกี่ยวกับการหลอกให้รักยังสูงถึง 403 คดี โดยแบ่งเป็นคดีประเภทหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน จำนวน 168 เรื่อง และคดีหลอกลวงให้รักแล้วลงทุน จำนวน 235 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 190 ล้านบาท
รองโฆษกฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภัยออนไลน์เกี่ยวกับความรักหรือ Romance Scams คือการใช้เทคนิคทางจิตวิทยาพัฒนาความสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ สร้างความเชื่อใจระหว่างบุคคล แล้วทำการหลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการได้รับเงิน ซึ่งในปัจจุบันพบหลากหลายวิธี เช่น (1) หลอกให้รักแล้วโอนเงิน (Romance scam) ด้วยการสร้างเรื่องราวต่างๆ ที่ให้ความหวังหรือที่น่าเห็นใจ (2) หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล (3) หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ทโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี และ (4) หลอกให้รักแล้วแบล็คเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ
ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ แนะข้อสังเกตแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรลวงรักออนไลน์ ดังนี้
ใช้รูปโปรไฟล์ของคนหน้าตาดี : มิจฉาชีพมักจะสร้างตัวตนปลอมโดยใช้รูปโปรไฟล์ที่หน้าดึงดูด คุยเก่งอัธยาศัยดี มีประวัติที่น่าสนใจ ประชาชนจึงควรตรวจสอบ ยืนยันตัวบุคคลที่เราคุยด้วยทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ชัดเจนในหลากหลายช่องทาง ระลึกไว้เสมอว่า ไฟล์เอกสารยืนยันตัวตนที่ส่งมา หรือเว็บไซต์บริษัทหรือหน่วยงานที่ปรากฏชื่อคนที่เราคุยด้วยอาจถูกปลอมแปลงขึ้นมาอีกที และหากมีการขอให้เปลี่ยนช่องทางในการคุย โดยการแนะนำให้ดาว์นโหลดแอปพลิเคชั่น หรือกดลิงค์ไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน ห้ามกดเด็ดขาด เพราะอาจเป็นแอปรีโมทที่สามารถดูดเงินให้บัญชีของเราได้
หลอกขายฝัน : มิจฉาชีพมักจะแสร้งว่ามีความรักความปรารถนาดีให้ และทำการแนะนำให้ทำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต หรือหลอกว่าจะมาใช้ชีวิตหรืออนาคตด้วยกัน ดังนั้นหากคนที่กำลังคุยทางออนไลน์มีการชักชวนให้ทำการลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ หรือขอความช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าภาษีของมีค่าของขวัญที่ส่งมาให้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ
ลวงเอาข้อมูลส่วนตัว : มิจฉาชีพมักจะคุยและหลอกล่อให้เราเผยข้อมูลส่วนตัว หรือส่งเอกสารสำคัญให้ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดและสร้างความเสียหาย นอกจากนี้ ประชาชนต้องระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวทางสื่อสังคมออนไลน์ การเช็คอิน การเปิดเผยกิจวัตรประจำวันที่มากเกินไป และไม่ส่งรูปภาพ คลิปวีดีโอ หรือการวีดีโอคอล ในลักษณะโป๊เปลือย ที่อาจนำไปสู่การแบลกเมล์เรียกค่าไถ่ รวมถึงระมัดระวังการนัดพบกับคนคุยออนไลน์ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน อยู่เสมอ ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ จึงได้สั่งการหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ทั่วประเทศกำหนดมาตรการเชิงรุกในการดูแลความปลอดภัย “Stop Walk Talk” จัดสายตรวจออกตรวจตราเฝ้าระวังพื้นที่ที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม การคุกคามทางเพศ หรือการกระทำที่ไม่เหมาะสม หากประชาชนพบเหตุการณ์ บุคคล หรือวัตถุต้องสงสัย โปรดแจ้ง 191 หรือ 1599 ปัจจุบันศูนย์ PCT มีการเตือนภัยพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบกลโกงของคนร้าย หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th