รองผู้ว่านนท์พร้อม ปวีณา และตำรวจนำหมายคนเข้าตรวจสอบหาหลักฐานบ้านครูเตยที่ทำร้ายเด็กออทิสติก
1 min readเมื่อเวลา15.00 น.วันที่ 17 ก.พ.66 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กและทำร้ายเด็กออทิสติกของครูเตย นางรวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พันตำรวจเอกพฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน นำหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบบ้านของครูเตย
แต่ปรากฏว่าครูเตยไม่อยู่เจ้าหน้าที่ต้องรออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมงจนกระทั่งต่อมาครูเตยได้ขับรถเก๋ง Mazda สีดำมาจอดบริเวณหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นซึ่งทางครูเตยได้อนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ แม่ของเด็กและเด็กออทิสติกส์ เข้าไปในบ้านได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปข้างในบ้านโดยอ้างว่าตนเองรับไม่ได้กับข่าวที่เสนอสื่อออกไป
จากการตรตรวจค้น ภายในบ้านได้ทำการยึดเอกสารต่างๆจำนวนหนึ่งพร้อมทั้งยึดสากกะเบือ จำนวน 3 อัน มีดทำครัวอีก 7 เล่มไว้เป็นของกลางเพื่อนำไปตรวจสอบ ว่าตรงกับที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกทำร้ายด้วยสากกะเบือและมีดหรือไม่ โดยจะทำการตรวจหาร่องรอยจากของกลางที่ยึดได้ในวันนี้ เพื่อนำไปตรวจสอบใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหากพบว่ามีการทำร้ายเกิดขึ้นจริง
นางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ทางตำรวจได้สอบปากคำคุณแม่เพิ่มเติม ทราบว่าตำรวจออกหมายเรียกเลยให้น้องไปชี้ที่เกิดเหตุ คงเป็นสิ่งของหรือของใช้ที่ถูกทำร้าย วันนี้ต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของตำรวจ น้องเขาบอกว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วแต่ยังหวาดกลัวอยู่ แม่ก็สบายใจระดับนึงแต่มาที่นี่ก็พาไปเลี้ยงเด็กกำพร้า พาไปไหว้พระให้สบายใจขึ้น เขาก็ดูแลเด็ก กอดเด็ก มีจิตใจที่อ่อนโยน คงจะให้น้องอยู่ในวิถีชีวิตที่อยู่ในสังคมได้ เราประชุมกันว่าจะทำยังไงให้น้อง มูลนิธิปวีณาเราห่วงเรื่องความเป็นอยู่ของน้องจากนี้ไป คุยกับน้องและแม่น้อง ที่น้องจะอยู่จะเป็นที่อุบลราชธานี บริเวณที่อยู่ดี มีเลี้ยงไก่ เลี้ยงสัตว์ วิถีชีวิตชนบท ทางมูลนิธิจะประสาน พมจ.เพื่อเข้าไปดูแลทางด้านคนพิการเพื่อบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิต เขาเคยอยู่ชนบท อิสระ ต้องมาอยู่ที่แคบอาจจะอึดอัด น้องควรกลับคืนสู่บ้านของเขาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเยี่ยม ส่งนอีกเคสก็ได้ประสานมาทางมูลนิธิปวีณาเพื่อช่วยเหลือ ทางเราจะประสานต่อกับ พมจ.เพื่อช่วยเหลือ และประชุมกันวันอังคาร ให้เขาไป-กลับ อยู่โรงเรียนทางรัฐบาลแต่ให้อาศัยอยู่กับผู้ปกครอง ไม่ให้ไปอยู่เลยเกรงว่าจะอึดอัด เหมือนเคสนี้ จะมีความเครียด ก้าวร้าว ไม่สามารถบอกใครได้ น่าสงสารและเห็นใจมาก สิ่งที่สำคัญคือช่วยเหลือตัวเองก่อน ไปฝากและรับกลับ การให้เขาค้างเลยมันเหมือนทิ้งเขา เด็กออทิสติกตัวเขาเองจะโตแล้วแต่ความคิดยังเด็ก รู้สึกว่าเขาเป็นเด็ก คนที่จะเลี้ยงต้องเข้าใจ มีความรู้ ศึกษาทางด้านนี้มา การที่จะเปิดที่เลี้ยงเด็ก โรงเรียน ควรจะต้องมีความรู้และจบทางด้านวิชาการโดยตรง
ขณะที่ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่าวันนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีอะไรที่เป็นวัตถุพยาน ตอนนี้รวบรวมทุกอย่างเพื่อนำไปตรวจสอบ ยังไม่ได้แจ้งดำเนินคดีหรือแจ้งข้อหาใครเนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทุกฝ่าย คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จนกว่าจะชัดเจนถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาได้ วันนี้มีมาทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฝ่ายปกครอง เทศบาล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณา ขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผิดถูกว่ากันไปตามหลักฐาน
ทางด้านครูเตย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มาก็มีถ่ายรูปเก็บทุกอย่างที่เป็นมีดทั้งหมด แล้วก็สาก และก็ใบประกาศเอาไปหมดเลย ตนมีความเข้าใจว่าเขาหน้าจะเอาไปตรวจสอบว่าจริงหรือปลอมถ้าภาษาบ้านๆอะเนอะ ตอนนี้ก็จะเดินทางไป สภ.บางบัวทอง น่าจะเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ถ้าถามว่ากังวลไหมถ้าเป็นตัวของตนเอง ตนไม่ได้ทำตนไม่กังวล แต่แค่ไม่รู้ว่าสเตปมันมีอะไรบ้าง ก็ยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรไม่ได้ก่อเหตุ ถ้าเป็นตนตนไม่ได้ทำแน่นอน ก็อยากให้สังคมให้โอกาสเราบ้าง ให้เราได้มีจุดยืนบ้างอย่างน้อยๆ ตนไม่ได้เปิดเป็นศูนย์ เปิดเป็นเหมือนรับเลี้ยงปกติธรรมดา ถ้าตนเปิดเป็นศูนย์ สภาพแบบนี้เปิดศูนย์ไม่ได้หรอก และมันก็เป็นความพึงพอใจของผู้ปกครอง
ครูเตยยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้เขาให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าทางคู่กรณีเขาแจ้งความว่าข้อหาอะไรบ้างแล้วเราจะต้องทำอะไรยังไงต่อไป เพราะว่าตนไม่ได้รู้เรื่องอะไรขนาดนั้น ตามขบวนการของรัฐบาลมันจะต้องเป็นขั่นตอน แล้วตนยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยสักอย่าง ไปทั้งหมดเลย 4 คน ก็อยากบอกว่า เลี้ยงเหมือนลูกสุดๆแล้ว ตัวของตนไม่ได้ทำ บางทีรู้สึกความเป็นครูที่เราเป็นก็น้อยใจเหมือนกัน สังคมตราหน้าเราขนาดนี้ ก็ไม่ร้องขอแค่เราก็เต็มที่ แค่บางทีบางเรื่องมันสอบถามกันได้ ว่าอะไรยังไงดีกว่า ถ้าเป็นมุมของตน คนที่เป็นแม่ ก็จะมาไฟต์กับครูก่อน ควรจะคุยกันก่อน แต่ก็เข้าใจมุมของแม่เขาเหมือนกันที่ต้องทำแบบนี้