ชุดคลี่คลายคดี ยันไซยาไนด์เป็นเหตุทำให้ “ก้อย-สารวัตรปู” เสียชีวิต

ตำรวจชุดคลี่คลายคดี “แอม ไซยาไนด์” อัพเดทยอดเหยื่อ 13 ราย รอด 1 ยืนยัน พบไซยาไนด์เป็นเหตุทำให้ “ก้อย-สารวัตรปู” เสียชีวิต เตรียมเรียกอดีตตำรวจสามีแอมสอบซ้ำ พร้อมระบุวันนี้ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม เร่งสอบที่มาไซยาไนด์

จากหลังการประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดี “แอม ไซยาไนด์” ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา กินเวลานานกว่า 5 ชั่วโมง โดยมีคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดทำคดีของแต่ละท้องที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง จ.กาญจนบุรี, จ.ราชบุรี จ. เพชรบุรี และจ.นครปฐม ได้นำผลการรวบรวมพยานหลักฐานมารายงานต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ / ซึ่งจะมีการนำผลของการทำไทม์ไลน์ พยานแวดล้อม และผลการสอบปากคำแพทย์ทั้งหมด ไม่ว่าเป็นเคสที่ผ่าศพหรือไม่ผ่าศพ และการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผลทางนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจวัตถุพยานที่ตรวจเก็บได้ ไม่ว่าจะเป็นจากในรถของผู้เสียชีวิต รถของผู้ต้องหา และในบ้านของผู้ต้องหา บ้านของพี่สาวผู้ต้องหา มาหารือเพื่อพิจารณาว่า คดีการวางยานี้ จะมีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นกับแอมอีกหรือไม่ และจะสามารถออกหมายจับใครเพิ่มได้อีกหรือไม่

จนกระทั่ง ล่าสุดในเวลา 14.23 น. พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังการประชุมว่าในวันนี้ เป็นการนำข้อมูลของแต่ละท้องที่เกิดเหตุมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และนำไปใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน เพราะเนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหามีการกระทำในลักษณะเดียวกันในหลายท้องที่

สำหรับยอดตัวเลขเหยื่อของผู้เสียชีวิตตอนนี้อัพเดทที่จำนวน 13 ราย รอดชีวิต 1 ราย ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวออกไป ส่วนการออกหมายจับในวันนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับใครใดๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพื่อเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ส่วนการดำเนินคดีกับแอม ผู้ต้องหานั้นตอนนี้ก็ต้องบอกว่าทุกคดีมีการดำเนินคดีหมด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพของการสืบสวนสอบสวน ซึ่งตอนนี้ที่มีหลักฐานและดำเนินคดีไปแล้วก็คือเคสของสารวัตรปู ที่จ.นครปฐม ส่วนคดีที่เหลือก็อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ประเด็นการสอบปากคำพันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีแอมเมื่อวานนี้ เป็นสิทธิที่เขา จะให้การอย่างไรก็ได้ และทางตำรวจมีสิทธิที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการอยู่แล้ว รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน โทรศัพท์ของทั้งสองคน ว่ามีความสัมพันธ์หรือมีความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง โดยหลังจากนี้จะต้องเชิญอดีตสามีแอมกลับมาให้ปากคำอีกครั้ง

ส่วนกรณีเมื่อวานนี้ที่ได้เรียกครอบครัวของหนิมเคสผู้เสียชีวิตรายล่าสุดมาสอบปากคำ เนื่องจากพบเส้นทางการเงินที่แอมโอนไปให้จำนวนมาก เบื้องต้นมีข้อมูลว่ามีการโอนเงินให้จำนวนหลักแสนบาท ในส่วนนี้จากการสืบสวนพบว่า แอมมีหลายบัญชีในเรื่องของการเบิกจ่ายเงิน จึงต้องไปตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับใครหรือไม่

โดยการตรวจสอบรถเก๋งสีดำของแอมแล้วปรากฏว่า ตรวจพบ “ไซยาไนด์” ประเด็นนี้ต้องรอตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง ขณะเดียวกันกระแสข่าวที่พบกล่องวัสดุที่มีการสั่งซื้อยามาจากต่างประเทศ และมีการระบุชื่อชัดเจนนั้น ยังไม่พบข้อมูลในส่วนนี้

นอกจากนี้จากการสอบปากคำนายกอล์ฟ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่ไปเก็บเงินกู้กับนายแด้ ผู้เสียชีวิต ที่จังหวัดอุดรธานี เบื้องต้นเมื่อวานนี้เรียกมาสอบในฐานะ “พยาน” เพราะว่าพบว่ามีความสนิทสนมกับแอมและนายเด้ผู้เสียชีวิต โดยเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ และยังไม่ได้รับสารภาพตามกระแสข่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงผลการตรวจเจอสารไซยาไนด์ในจำนวน 2 ศพ คือที่บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และจ.นครปฐม ถือว่าเจอในปริมาณมากพอที่จะส่งผลให้เสียชีวิตได้ในปริมาณเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ทั้งหมดอยู่ในสำนวนแล้ว ส่วนการดำเนินคดีทางกองปราบดำเนินคดีที่บ้านโป่งจังหวัดราชบุรีส่วนที่จังหวัดนครปฐมตำรวจท้องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและมีการเผาศพไปแล้วนั้น ยืนยันว่า จะหาหลักฐานความอื่นๆที่จะเชื่อมโยงเอาผิดกับแอมได้ ซึ่งพยานหลักฐานไม่ได้มีเพียงเรื่องสารพิษในร่างกายศพเพียงปัจจัยเดียว ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลเห็นว่าผู้กระทำผิดกระทำผิดจริง ซึ่งในขณะนี้มีแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้เสียชีวิตเสียชีวิตจากสารพิษจริง แต่ไม่ขอระบุรายละเอียด

เมื่อสอบถามถึงปริมาณไซยาไนด์ว่าต้องมีการใช้เท่าไหร่ ถึงจะทำให้ผู้ที่กินเข้าไปแล้วเสียชีวิตได้ พันตำรวจเอกเอนก ระบุว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เรื่องการกินเข้าไป ขณะท้องว่างหรือมีอาหารในกระเพาะ ซึ่งมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา