ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลง แจงคดี “แอม ไซยาไนด์” ออกหมายจับแล้ว 14 คดี
1 min readผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลง แจงคดี “แอม ไซยาไนด์” ออกหมายจับแล้ว 14 คดี เผยพบเมียน้อยรองผกก.อ๊อฟ พยานคนใหม่เร่งสรุปสำนวนให้เสร็จโดยเร็ว
วันนี้ (3 พฤษภาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับคณะทำงานคลี่คลายคดีไซยาไนด์ ของ สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ซึ่งประกอบด้วยชุดคณะทำงานพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล,ตำรวจนครบาล ,ตำรวจภูธรภาค 4 ,ตำรวจภูธรภาค 7 ,กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีโดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิตของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 รายปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดียังมีสงสัยอีก 2-3 คดี
วันนี้ที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดีให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการโดยมีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ,พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ,พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดยผบ.ตร.สั่งให้เร่งรัดดำเนินการทุกวัน ทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ต้องหา
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมได้มีการออกแนวทางให้พนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ จากนี้กรณีพบการตายไม่ทราบสาเหตุ พนักงานสอบสวนจะไม่ทำงานโดยลำพัง แต่ต้องมีทุกหน่วยทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช เข้ามาช่วย หากแพทย์นิติเวชตามโรงพยาบาลในต่างจังหวัดไม่สามารถตรวจสอบ ให้ประสานนำส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือส่งมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเป็นหลัก และให้เจ้าหน้าที่ พฐ.เก็บพยานหลักฐานเหตุที่ควรต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามใน 14 คดีที่ดำเนินคดีแล้วตำรวจได้ย้อนกลับไปเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมทำให้มีหลักฐานประกอบในสำนวนคดีต่างๆมากขึ้น
การค้นหาไซยาไนด์ ประสานกรมโรงงาน อย. พบแหล่งที่มาอยู่ระหว่างคัดแยกว่าส่วนไหนที่ส่งถึงแอม
ส่วนการส่งพยานหลักฐานให้ อ.อ๊อด ช่วยตรวจสอบครั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุว่า ถือเป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนี้พยานหลักฐานทั้งหมดจะเข้าตามระบบ ส่วนหลักฐานของอ.อ๊อด ยืนยันเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่ตำรวจสื่อสารไปแล้วเรื่องการให้ข้อมูลสู่สาธารณะหลังจากนี้ต้องระมัดระวังเนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี
ทั้งนี้แม้ไม่มีพยานที่รู้เห็นตอนแอมหยอดยาไซยาไนด์ในอาหารหรือน้ำดื่มให้ผู้เสียหาย แต่คดีนี้ตำรวจมีประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนาเอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดีแน่นอน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้อง เหลือเพียงคดีในส่วนสถานีตำรวจนครบาล(สน.)ทองหล่อ ซึ่งวันจันทร์ ที่ 8 พฤษภาคม ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับได้เนื่องจากการสอบสวนอยู่ในขั้นตนสุดท้ายแล้ว สำหรับนายตำรวจยศ สิบตำรวจเอกที่เสียชีวิตเมื่อปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับแอม ด้วยหรือไม่เบื่องต้นแพทย์ยืนยันว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งแต่ทั้งหมดนี้ต้องมีการสืบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง
สำหรับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามีแอม ตำรวจพบว่ามีการหย่าร้างทางนิตินัยแต่ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เลิกกันจริงส่วนที่ไปมีสามีใหม่ คือแด้ จุดประสงค์แอมคือต้องการทรัพย์สินเนื่องจากแอมทราบมาว่าแด้มีทรัพย์สินจำนวนมาก
การสืบสวนของตำรวจเป็นการขยายพื้นที่ตั้งต้นที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้คดีของนายแด้เชื่อว่า รองผู้กำกับฯมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะหลังก่อเหตุแอมให้รองผู้กำกับฯ ไปเอารถของแด้ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นทั้งสองไปตระเวนทวงเงินจากลูกหนี้ของนายแด้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า แอมไม่เคยให้คำตอบเรื่องหย่า แต่สามีที่เป็นรองผู้กำกับฯตอบว่าเหตุผลที่หย่ากับแอมเพราะแอมทำผิดหลายอย่าง ตนที่รับราชการเป็นตำรวจกลัวว่าจะโดนความผิดและเดือดร้อนไปด้วย
จนถึงขณะนี้อดีตสามีของแอมยังไม่มีการรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุฆาตกรรมกับแอม จากนี้ในส่วนของคนรอบข้างผู้ต้องหาทั้ง2 ตำรวจจะยังมีการติดตามตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึง พยานคนใหม่ในคดีซึ่งเป็นภรรยาน้อยของรองผู้กำกับอ๊อฟ ที่ตำรวจเรียกมาให้ปากคำที่สโมสรตำรวจ เวลา 18.00 น. วันนี้เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงในคดีเนื่องจากพบว่า รองผู้กำกับอ๊อฟ แอม และภรรยาน้องทั้ง 3 ซึ่งรู้จักกันดีเดินทางไปที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังแอมก่อเหตุเพื่อสร้างแหล่งที่อยู่ว่า แอมไม่ได้อยู่ในจุดเหตุฆาตกรรมในท้องที่สภ.บ้านโป่ง
ทรัพย์สินทั้งหมดที่แอมได้มาจากผู้เสียหายตำรวจกำลังรวบรวม ซึ่งวานนี้(2 พฤษภาคม)ได้ไปเจอร้านทองในจังหวัดนครปฐม มีใบเสร็จที่แอมนำทองมาขายทางร้านที่รับซื้อได้หลอมไปแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่าผู้เสียหายทั้ง 15 รายแอมใช้สารพิษไซยาไนด์ทั้งหมดไม่ว่าในรูปแบบเป็นน้ำ อาหาร ยาเม็ดแคปซูล ปัญหาการเงินมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ใช้วิธีการโอนเงิน ทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลวด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจค้นที่บ้านพักพี่สาวแอมที่พบแคปซูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในแคปซูลมีการปนเปื้อนสารไซยาไนด์
สำหรับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การโอนเงิน การทำธุรกรรมธนาคาร เส้นทางการเงินทั้งหมดเพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างรองผู้กำกับอ๊อฟกับแอม ตำรวจจะได้รับข้อมูลภายในวันศุกร์ ที่ 5 พฤษภาคมนี้ รวมไปถึงบัญชีม้าที่แอมใช้เอง