“ชูวิทย์”จัดกิจกรรมวิ่งต่อต้านกัญชาเสรี “วิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงชัยชนะ”
1 min read
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จัดกิจกรรมวิ่งต่อต้านกัญชาเสรี “วิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงชัยชนะ” โดยเริ่มต้นที่สวนลุมพินี ก่อนจะวิ่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยก่อนเริ่มวิ่ง ว่า วันนี้ตนเองมาวิ่งคนเดียว แต่ใครอยากมาร่วมวิ่งก็ได้ ซึ่งจะมีตำรวจมาอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจร และจะวิ่งไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จากนั้น มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถนนราชดำเนิน ระยะทางรวม 10 กิโล
ซึ่งตนเองมีอายุ 60 กว่าปี ลุกขึ้นมาวิ่วต่อต้านกัญชาเสรี เพื่อสะท้อนเจตนาบริสุทธิ์ของประชาชนที่ต้องการให้บทเรียนกับพรรคการเมือง ที่ขยันออกนโยบายและกระทบสิทธิ์ของพลเมืองอย่างตน ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ตนจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์เพื่อเป็นบทเรียนแก่พรรคภูมิใจไทย ที่ออกนโยบายกัญชาเสรีสร้างผลกระทบต่อชุมชน
ส่วนกรณีพรรคภูมิใจไทยฟ้องเพื่อปิดปาก ตนเป็นประชาชนไม่มีอาวุธ ไม่มีกองกำลัง มีเพียงลูกน้อง 1-2 คนที่คอยช่วยยกของ และล่าสุดที่พรรคภูมิใจไทยร้องศาลแพ่งให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครอง สั่งห้ามไม่ให้ตนเดินทางไปยังเวทีปราศรัยใหญ่ของภาคในวันพรุ่งนี้ ศาลก็ออกคำสั่งทันทีว่าเป็นการละเมิดและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่คุ้มครอง เนื่องจากตนเองไปได้มีกองกำลังหรือใช้กำลังหรือไปปิดสนามบินเหมือนนายสนธิ และ ศาลท่านก็เห็นว่าเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นไม่ควรไปจำกัดสิทธิเสรีภาพ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ไม่ขอตอบ เนื่องจากหากประกาศว่าตนจะเดินทางไปอาจจะมีการเตรียมการเพื่อรอรับ แต่หากไปตนเดินทางไปเพียงคนเดียวเพื่อแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพของในมุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชา
ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้เวลา 9:00 น ตนจะเปิดเผยบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในการให้ข้อมูลเพื่อต่อต้านกัญชาเสรีที่ศูนย์ต่อต้านกัญชา โดยจะมีเครือข่ายทางการแพทย์ 50-60คน แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยว

จากนั้นเวลา 13:30 น. จะเดินทางไปศาลแพ่ง เพื่อฟ้องพรรคภูมิใจไทยและเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท เนื่องจากนำนโยบายสาธารณะมาทำให้ประชาชนรับผลร้ายจากกัญชา เพื่อให้เห็นว่านโยบายกัญชากระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาทจะนำไปใส่ในกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกัญชา โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดูแล ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2565 มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชาเสรีจำนวนมากทั้งที่ไม่ได้เสพแต่ได้รับผลกระทบจากกลิ่น หรือกลุ่มคนที่เสพจนช็อคและต้องนอนโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มคนที่บอกว่ารักษามะเร็งหายจากการใช้กัญชา แต่กลับพบว่าไม่มีใครรักษาหายแต่เสพกัญชาจนเป็นมะเร็ง
ส่วนการที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมที่จะดำเนินการกับพรรคการเมืองอื่นๆที่ให้พื้นที่ตนเองนั้น ขอให้พรรคภูมิใจไทยไปเตรียมตัวลั่น รับมือกับประชาชนที่จะดำเนินคดีกับพักดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดูแลความเป็นระเบียบร้อย โดยเฉพาะบริเวณท้องถนนและการจราจรในวันนี้ พบว่า พันตำรวจเอกภพธร จิตต์หมั่น รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 และพันตำรวจเอกนิมิตร นูโพนทอง ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี พร้อมด้วยกำลังสายตรวจและสืบสวนกว่า 50 นาย ได้เข้ามาดูแลในพื้นที่ตลอดการวิ่งต่อต้านกัญชาเสรีของนายชูวิทย์ โดยจะใช้เส้นทางการวิ่ง เริ่มจากสวนลุมพินี มุ่งไปใช้ถนนราชประสงค์ ผ่านประตูน้ำแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรี ก่อนตัดขวามาออกที่แยกราชเทวี ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านตึกชัย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงถนนพระราม 6 ตรงยาวผ่านแยกอุรุพงษ์เข้าอยู่ยมราช ผ่านไปทางหลานหลวง ก่อนไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระยะทางราว 10 กิโลเมตร

ต่อมาเวลา 18.45น. นายชูวิทย์ วิ่งต่อต้านกัญชาเสรี มาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเปิดเผยว่า การวิิ่งของตนพิสูจน์ให้เห็นว่าอายุ 60 กว่าปีก็ยังวิ่งได้โดยไม่ต้องใช้ยาใดๆ ถ้าพลเอกประยุทธ์ และ รัฐบาล เข้าใจและไม่ให้นายอนุทิน ออกนโยบายกัญชาเสรีมามอบมาประชาชน เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะได้คะแนนมากกว่านี้ ซึ่งตนเคยเข้าไปหาประยุทธ์แล้วที่เยาวราช แต่ก็โดนหยีจึฝไม่รู้จะเข้าไปสอบถามหรือแนะนำอย่างไร แต่หากจะให้แนะนำไปยังรัฐบาลสมัยหน้า กีฬาคือยาวิเศษ ไม่ใช่กัญชา กัญชาไม่สามารถรักษาโรคอะไรได้ ทำได้เพียงแต่ชะลอและทำให้เกิดความเคลิบเคลิ้มชั่วขณะ เมื่อหมดฤทธิ์กัญชาอาการก็จะกลับมา อาการจิตหลอน หูแว่วหวาดกลัว
ทั้งนี้ขอย้ำว่าประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ในนโยบายสาธารณะของทุกพรรคการเมือง หลังเลือกตั้งคือการจัดตั้งรัฐบาล การรณรงค์ของตนก็ยังอยู่ต่อไป เพื่อไม่ให้พรรคภูมิใจไทยมาเป็นรัฐบาล เพราะพรรคภูมิใจไทยทำร้ายสังคม ปกติกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสุขภาพของประชาชนแต่ไม่ใช่มีหน้าที่มอมเมา
