“บิ๊กโจ๊ก”เผย แจ้งข้อหาอดีตสามี “แอม ไซยาไนด์” ช่วยทำลายหลักฐาน
1 min readพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีของนางสาวสรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมวางยาไซยาไนด์ ว่าวันนี้ได้แจ้งข้อหากับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามี นางสาวแอม ในข้อหา “ร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184 หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนพบพยานหลักฐานที่เชื่อว่าพันตำรวจโทวิฑูรย์ เป็นผู้ก่อเหตุ
โดยข้อหาที่ถูกแจ้งเพิ่มนั้น เป็นคดีของนางสาวก้อย ที่เกิดเหตุในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่พบว่าพันตำรวจโทวิฑูรย์ นำกระเป๋าของนางสาวก้อย นำไปซ่อนไว้ก่อนสุดท้ายจะพบว่าถูกส่งไปที่นางสาวแก้ว ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งผู้ต้องหาเป็นตำรวจรับรู้อยู่แล้วว่า ของที่ได้มาเป็นของกลางในคดี แต่กลับไม่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนแต่กลับนำไปให้บุคคลอื่น ซึ่งจากการแจ้งข้อหาในวันนี้ พันตำรวจโทวิฑูรย์ ยังให้การปฎิเสธ
ส่วนตัวกรณีที่มีบุคคลอื่นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง 4 ถุง 5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนสำนวนการสอบสวนสืบสวนภายในสัปดาห์หน้า จะสามารถวางทามไลน์ เหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อเตรียมสรุปสำนวนได้ ทั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และข้อหาพยายามฆ่าอีก 1 คดี ซึ่งพบว่าแผนประทุษกรรมเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงที่มาของแต่ละคดีว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่งให้อัยการพิจารณาการสั่งฟ้องในชั้นศาลต่อไป
ส่วนการสอบแม่ของนางสาวแอม รวมถึงน้องสะใภ้แอมเป็นใช้ให้ไปส่งกระเป๋าโดยไม่ทราบว่าของภายในวัสดุคืออะไร พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงเส้นทางการเงินทางธนาคารจะส่งข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
สำหรับกำหนดการที่จะเข้าพบนางสาวแอมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อสอบปากคำในวันพรุ่งนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่าต้องดูพยานหลักฐานสำนวนคดีของตำรวจภูธรภาค 7 ก่อนว่าจะมีส่วนไหนที่จะเข้าไปถามข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ ส่วนการให้การของนางสาวแอมนั้น ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อ แต่ก็มีข้อเท็จจริงในเรื่องของการที่รับว่านำไซยาไนด์ไปมอบให้ และไม่เชื่อว่านำมาไซยาไนด์มาจากนายแด้ ตำรวจยืนยันดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มีอยู่