“บิ๊กโจ๊ก”แถลงปิดคดี จับคนร้าย อุ้ม ด.ญ. 3 ขวบ ไปข่มขืน ก่อนฆ่าทิ้งศพในสระน้ำเพื่ออำพรางคดี
1 min read
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 เวลา 16.00 น. สภ.ตันหยง ภ.จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ปี 11 เดือน ได้หายตัวออกจากบ้าน จึงได้สืบสวนติดตามหาตัว จนต่อมาวันที่ 16 พ.ค.66 เวลา 09.00 น. พบศพ ด.ญ.เอ บริเวณใกล้สระน้ำ ห่างจากบ้านประมาณ 350 เมตร โดยลักษณะศพเปลือยท่อนล่างโดยถูกถอดกางเกงและแพมเพิร์สออก คาดว่าถูกผู้อื่นเป็นผู้ถอด ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตรวจสอบและเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดเพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มเติม และเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดโดยเร็ว เบื้องต้นแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลสิริรัตนรักษ์ รายงานผลชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบบาดแผลฉีกขาดบริเวณช่องคลอด คาดว่าถูกคนร้ายล่วงละเมิดทางเพศก่อนเสียชีวิต สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจาก ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวสันนิษฐานว่าเกิดจากการจมน้ำ

จากการสืบสวนจากกล้องวงจรปิดบริเวณรอบ ๆ ที่เกิดเหตุนั้นทำให้ทราบได้ว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุที่ผู้ตายถูกลักพาตัวไปนั้น ปรากฏภาพชายไม่ทราบชื่อสวมเสื้อเสื้อสีขาวอุ้มเอาตัวผุ้ตายไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เข้าไปทำการสอบถามบุคคลซึ่งอาศัยอยู่ภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งมีจำนวนบ้าน 24 หลัง จำนวน 96 คน ทำให้สามารถคัดแยกผู้ต้องสงสัยได้เป็นจำนวน 6 คน จึงได้เชิญผู้ต้องสงสัยจำนวน 6 คนมาทำการซักถาม และได้ทำการตรวจยึดเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ในเกิดเหตุทั้งหมด ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คนนั้นสามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้ มีเพียงนายมะยาการียาฯ คนเดียวซึ่งไม่สามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมชายวัยกลางคนทุกคนที่ช่วงเวลาเกิดเหตุอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว จำนวน 24 คน เพื่อใช้ในการตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรมที่พบจากศพผู้ตาย

จากการรวบรวมพยานหลักฐาน และการสอบปากคำพยานแวดล้อมจำนวน 38 ปาก ประกอบกับผลการตรวจสอบสารพันธุกรรมจากเส้นผมเส้นขนและคราบอสุจิที่พบจากตัวผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบกับ นายมะยาการียาฯ ผู้ต้องสงสัยพบว่า เป็นของบุคคลเดียวกัน และตรวจคราบโคลนดินซึ่งพบว่ามีติดอยู่ที่ขากางเกงของนายมะยาการียาฯ พบว่าเป็นดินจากบริเวณที่เกิดเหตุจริง จึงน่าเชื่อว่านายมะยาการียาฯ เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้

ทั้งนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการซักถามนายมะการียาฯ ให้การว่าในวันที่เกิดเหตุ ได้อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณบ้านของแม่ตนเอง โดยในวันเกิดเหตุได้ใส่เสื้อสีขาว กางเกงยีน ประกอบกับนายมะยาการียาฯ ให้การวกวน โดยเฉพาะในห้วงเวลาเกิดเหตุ และจากการซักถามเชิงลึกพบว่า นายมะยาการียาฯ ได้หย่าร้างกับครอบครัวไปนาน เป็นบุคคลว่างงาน หมกมุ่นเรื่องเพศ และมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และทุกครั้งที่ได้เสพยาเสพติดนั้น นายมะยาการียาฯ จะมีความต้องการทางเพศสูงโดย นายมะยาการียาฯ พยายามอ้างพยานต่าง ๆ มาเพื่อยืนยันตัวเองว่าไม่ได้อยู่ในจุดที่เด็กหายตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการพิสูจน์พยานแต่ละคนตามที่ได้ให้การแต่ก็ไม่ตรงกัน

จากการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ พฤติการณ์และพฤติกรรมทั้งหมดในคดีนี้ จึงเชื่อหรือน่าจะสมควรเชื่อได้ว่า นายมะยาการียาฯ เป็นผู้ก่อเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.ตันหยง จึงได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดนราธิวาส โดยสามารถติดตามและจับกุมตัว นายมะยาการียา ลอตันหยง อายุ 46 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาสที่ 495/2566 ในความผิดฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตันหยง ดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เป็นที่สนใจขอประชาชนและสื่อมวลชน เนื่องจากผู้ต้องหามีความอุกอาจในการอุ้มลักพาเอาเหยื่อไปก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศก่อนฆาตกรรม เบื้องต้นได้กำชับให้มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยานโดยละเอียด และให้นำเอาสารพันธุกรรมจากผู้ต้องสงสัยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าวนำมาตรวจเปรียบเทียบ ซึ่งตรวจพบได้เส้นผมเส้นขน และคราบอสุจิมาจากศพผู้ตาย รวมทั้งเศษดินโคลนซึ่งสามารถพบได้จากเสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุในคดีนี้ได้ และขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานของท่าน ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเพื่อมิให้คนร้ายเหล่านี้สบช่องโอกาสในการก่อเหตุสะเทือนใจเช่นนี้ได้อีก