ผู้ช่วยพยาบาลสาว ร้อง ตร.สายไหม ถูกอดีตสามีบุกทำร้ายร่างกาย ตร.สืบสวน เชิญตัวอดีตสามีคุยทันควัน
1 min readช่วงบ่ายที่ผ่านมานายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย นางสาวกัญญ์วรา ชมพู่ อายุ 26 ปี ผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง ที่มีอาการได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตาข้างซ้าย และหางคิ้วซ้าวแตก ที่ลำคอมีรอยช้ำจากการถูกบีบคอ
เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอกรังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สน.สายไหม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายวีระ โรจนพฤกษ์ อายุ 39 ปี อดีตสามี ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหลักสี่ หลังถูกอดีตสามีก่อเหตุทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูกอายุ 7 ขวบ และขู่ฆ่าหลายครั้งแม้จะเลิกกันมา 2 ปีแล้ว
ผู้ช่วยพยายาลสาว ผู้เสียหาย เล่าว่า เคยคบหากับอดีตสามีรายนี้มานาน 5 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ตลอดเวลาที่คบกัน อดีตสามีมีอารมณ์รุนแรง มักจะด่าทอ ทำร้ายร่างกายตนเองต่อหน้าลูกสาวเป็นประจำ จนตนเองทนไม่ไหว ตัดสินใจเลิกรากันเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ถูกอดีตสามีตามรังควาญผ่านทางโซเชียลมีเดีย ตนเองก็พยายามหลบหน้ามาตลอด เมื่อฝ่ายชายหาตนเองไม่เจอ ก็จะโทรศัพท์ไปข่มขู่จะฆ่าตนเองผ่านทางพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ต้องมารับรู้เรื่องเหล่านี้จนไม่สบายใจ บางครั้งก็ข่มขู่จะทำร้ายแฟนคนปัจจุบันของตนเอง บางครั้งอดีตสามีเห็นรถจักรยานยนต์ของตนเองจอดก็จะทำไปทำลายรถ ซึ่งตนเองเคยเข้าแจ้งความไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า และอดีตสามียังบอกอีกว่า ไม่กลัวติดคุก เพราะเคยติดคุกมากแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ขณะที่ตนเองกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านย่านเพิ่มสิน ระหว่างบังเอิญเจอกับอดีตสามี ฝ่ายชายจึงตะโกนด่าทวงรถจักรยานยนต์อีกคันที่อดีตสามีเคยให้พ่อตัวเองใช้ แต่พังไปแล้ว ฝ่ายชายจึงถีบรถจักรยานยนต์ที่ตัวเองขี่อยู่จนล้ม แล้วไปรับลูกสาว ก่อนจะตามกลับหาตนเอง แล้วปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกาย บีบคอ ตีหน้า ต่อหน้าลูกสาว 7 ขวบที่พยายามเข้ามาห้ามผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ทำให้ตนเองสงสารลูกเป็นอย่างมาก เพราะลูกต้องอยู่กับความรุนแรงของพ่อมาโดยตลอด และหลังเกิดเหตุอดีตสามียังโพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้ออกกำลังกายรู้สึกดี ไม่ได้สำนึกผิด
ซึ่งลูกสาวยังอยู่กับอดีตสามี ครั้งนึงลูกถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง อดีตสามีจึงโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่าจะให้ลูกพกมีดไปโรงเรียน ตนเองกลัวว่าลูกจะซึมซับพฤติกรรมความรุนแรง จึงไปร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามอดีตสามีเข้าใกล้ตนเอง และศาลให้มีคำสั่งห้ามเข้าใกล้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการเลี้ยงดูบุตร ทั้งนี้ปัจจุบันลูกสาวมีอาการป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องทำความสะอาดทุกวัน ตนเองในฐานะเป็นแม่และเป็นผู้หญิง จึงอยากให้ลูกมาอยู่ในความดูแลของตนเอง
นอกจากนี้เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อให้ต้นสังกัดรับทราบพฤติกรรมของสามี แต่ได้รับแจ้งว่าอดีตสามีเป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ และปัจจุบันอดีตสามีก็ยังทำงานอยู่ เกี่ยวกับดูแลพัฒนาชุมชน
ขณะที่นายเอกภพ ระบุว่าอยากให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เข้ามาดูแล แยกเด็กออกจากพ่อ เพราะพ่อมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงชัดเจน และตามปกติสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรควรเป็นของแม่เด็ก เพราะ พม. เคยเข้ามาดูเรื่องนี้มาแล้วครั้งนหนึ่งเมื่อช่วงเดือนเมษายน รวมถึงอยากให้ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ต้นสังกัดผู้ก่อเหตุ มีมาตรการหรือตรวจสอบวินัยของบุคลากรในสังกัด ไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตาม หากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ควรดำเนินการทางวินัยหรือไล่ออกทันที ไม่ควรเอาไว้
ขณะที่พันตำรวจโทสราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการสอบสวน สน.สายไหม ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เชิญตัวอดีตสามีรายนี้มาสอบปากคำถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทันที ก่อนจะเตรียมดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์
ในเวลาต่อมาขณะที่ผู้เสียหายอยู่ระหว่างการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวน สน. สายไหม ได้มีการเชิญตัว อดีตสามีรายนี้มาทำการพูดคุยสอบถามถึงสาเหตุของการทำร้ายร่างกายภายในห้องสืบสวน โดยปรากฏว่ามีการพาบุตรสาววัย 7 ขวบมาด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่ภายในห้องสืบสวนโดยมีนายเอกภพ จากสายไหมต้องรอดเข้าร่วมพูดคุย ด้วย
เบื้องต้นนายวีระ ระบุว่าเรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ทะเลาะวิวาทกันมานานแล้ว ตั้งใจไม่ตั้งใจไม่รู้ พูดอะไรมากไม่ได้ เรื่องมันนานมาแล้ว แต่ติดใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องลูก ไม่พอใจที่ฝ่ายหญิงอยากจะได้ลูก เพราะฝ่ายหญิงดูแลลูกไม่ได้ ไม่มีเวลาดูแล ตนเองมีเวลาดูแลลูกมากกว่า ส่วนที่ทะเลาะกันเมื่อวานเป็นการทะเลาะวิวาท บันดาลโทสะ โมโหที่ฝ่ายหญิงด่าทอ พูดจาไม่ดีหลังจากที่ตนเองทวงรถ เรื่องขู่ฆ่าก็เป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว เป็นเรื่องไร้สาระ ตนเองก็แค่โมโห และฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ตาย
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ ณ ร้านทำผมแห่งหนึ่ง จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.16 น. น.ส.กัญญ์วรา ได้สวมชุดสีฟ้ายืนคุยกับ นายวีระ (อดีตสามี) และได้มีการนำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ก่อนที่ นายวีระจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย น.ส.กัญญ์วรา ด้วยการตบ และชกต่อยบริเวณใบหน้าของ น.ส.กัญญ์วรา / จากนั้น น.ส.กัญญ์วรา ก็ล้มลงไปที่พื้น จนกระทั่ง ลูกสาววัย 7 ปี และชาวบ้านละแวกดังกล่าวเข้ามาช่วยห้ามจับทั้งคู่แยกออกจากกัน
ในขณะเดียวกันภาพวงจรปิดอีกมุมนึงจะ สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ โดยจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.07 น. จะเห็น นายวีระสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น ขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงินมาพร้อมกับลูกสาววัย 7 ปี ก่อนจะจอดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวและปรี่เดินเข้ามาทำร้ายผู้เสียหาย / หลังจากนั้น ลูกสาววัย 7 ขวบ ก็ได้มีการลงรถจักรยานยนต์มาห้ามผู้เป็นพ่อ ก่อนที่นายวีระ และลูกสาวจะกลับขึ้นรถจักรยานยนต์และขี่รถออกไป
ในขณะเดียวกันทีมข่าวได้ภาพคลิปมือถือที่ทาง น.ส.กัญญ์วรา (ผู้บาดเจ็บ) ได้ถ่ายไว้ขณะที่ถูกนายวีระเข้ามาปัดมือถือ ก่อนจะมีการทำร้ายร่างกาย
นอกจากนี้ทีมข่าวได้ภาพนิ่ง Facebook ของนายวีระ ที่ได้มีการโพสต์ข้อความก่อนหน้าเกิดเหตุประมาณว่า จะขอเอาเลือดอีแม่ทรพีมาล้างตีนลูก หน่อยว่ะ คนอย่างมึงไม่น่ามีที่ยืนในสังคมหรอกกูจะบอกให้
ในขณะที่หลังเกิดเหตุ Facebook ของผู้ก่อเหตุได้มีการโพสต์อีกครั้งหนึ่งในทำนองว่า ได้ออกกำลังกายรู้สึกดี และปากดีก็ต้องโดนพร้อมด้วยภาพบาดแผลเล็บฉีกซึ่งคาดว่า ได้รับบาดเจ็บจากการไปทำร้ายผู้เสียหาย