ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบเครือข่ายฟอกเงิน เอี่ยวขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคใต้
1 min readกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก,พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจับกุม น.ส.เขมจิราฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ 311/2566 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกัน โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิกแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิดมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงในความผิดฐาน หรือกระทำการด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพลางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และการได้มา การครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มาครอบครอง หรือให้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน หรือจากการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงิน และให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ หรือสนับสนุนการกระทำความผิด” สถานที่จับกุม บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ม.1 ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ.2561 เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ปกครอง ได้ร่วมกันจับกุมนายอรรถชัย หรือ อัดฯ อายุ 27 ปี พร้อมของกลางไอซ์ 8 กิโลกรัม บรรจุในถุงใบชาจำนวน 8 ถุง ยาบ้า 60,000 เม็ด จำนวน 6 ห่อ ซ่อนอยู่ในรถกระบะ อีซูซุตอนเดียว ดีแม็ก สีบรอนซ์ ที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ในพื้นที่ ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่ผู้ต้องหามารับยาเสพติด ส่วนรถคันมาส่งหลบหนีไป จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลไปยังพื้นที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง ตรวจค้นบ้านพัก ในพื้นที่ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง ได้ของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 1,240,000 เม็ด และยาไอซ์อีก 1 กิโลกรัม พร้อมจับกุมตัวนายวรวิทย์ฯ อายุ 43 ปี ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดได้ควบคุมตัว น.ส.เขมจิราฯ (ผู้ต้องหานี้) ไปด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อว่าน.ส.เขมจิราฯ ผู้ต้องหา มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด ต่อมา น.ส.เขมจิราฯ ต่อสู้คดีและศาลจังหวัดพัทลุงได้พิจารณายกฟ้องในชั้นอุธรณ์
ต่อมาปี พ.ศ.2565 เจ้าพนักงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เขมจิรา หรือชื่อเดิม น.ส.อัจฉรีฯ พร้อมพวก ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม ม.5 และมีบทกำหนดโทษ ตาม ม.60 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จึงอาศัยอำนาจตามความใน ม.40(3)และ(5)ประกอบ ม.41 แห่งพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ตามกฎหมาย ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพัทลุงและศาลจังหวัดพัทลุงได้อนุมัติหมายจับดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนทราบว่า น.ส.เขมจิราฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ม.1 ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบ น.ส.เขมจิราฯ อาศัยอยู่ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง จึงเข้าจับกุมตัว น.ส.เขมจิราฯ ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุงที่ 311/2566 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น น.ส.เขมจิราฯ ให้การว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด ส่วนทรัพย์สินเป็นที่ดินที่มีการรับ-โอนกันนั้น ตนได้รับโอนมาจากพี่สาว ซึ่งพี่สาวได้ติดหนี้นอกระบบจำนวนหลายแสนบาท ตนจึงไปกู้เงินจากธนาคารในพื้นที่มาเพื่อรับซื้อที่ดินดังกล่าวไว้เป็นของตนในราคา 800,000 บาท ซึ่ง น.ส.เขมจิราฯ อ้างว่าไม่ได้ใช้เงินจากขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด