“ผู้การเต่า” หลั่งน้ำตา สูญเสียลูกน้องที่รัก เผย “ผกก.เบิ้ม” เครียดหนักจนยิงตัวเองดับ
1 min readพลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยถึงกรณีที่ พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ตัดสินใจยิงตัวตาย เพราะความเครียดจากเหตุที่ พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ สารวัตรศิว ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ว่า รู้สึกเสียดายที่ต้องสูญเสียลูกน้องไปอีกคน เพราะพันตำรวจเอก วชิราเป็นคนดีคนหนึ่ง ที่ไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับใคร มีอัธยาศัยดี ตำรวจทั้งสองนายเป็นลูกน้องที่น่ารัก โดยก่อนเกิดเหตุตนเองได้เรียกพันตำรวจเอก วชิรา ให้มาพบในวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เวลา 15:00 น. มาพูดคุยเพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย เพราะมีอาการเครียดหนัก หลังจากเกิดเรื่อง โดยเฉพาะรู้สึกผิดที่พาน้องไปเสียชีวิต ขอทั้งสองคนรักกันมาก เรียนสถาบันเดียวกัน ทำงานด้วยกัน กินเที่ยวด้วยกัน จึงมีความผูกพันกันเป็นพิเศษ จึงทำให้พันตำรวจเอก วชิรา ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ หลังจากพูดคุยก็ดูเหมือนว่าอาการดีขึ้นผ่อนคลายลง แล้วบอกให้ปิดโทรศัพท์หยุดการติดต่อสื่อสารทุกอย่าง ให้นำโทรศัพท์ฝากไว้กับลูกน้อง นอนให้เพียงพอ ให้ลูกน้องช่วยดูแล เอายานอนหลับให้รับประทาน แล้วให้มาพบตนอีกครั้งในวันที่ 11 กันยายนเวลา 09:30 น. จากนั้นก็ให้ลูกน้องไปส่งที่โรงแรม แต่พันตำรวจเอกวชิราหนีออกมา ในเวลา 04:00 น. เศษ โดยเดินลงมาจากบันไดหนีไฟ ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่สีชมพูให้ไปส่งที่บ้านพัก แล้วก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการที่พาน้องรักไปตาย
ระหว่างให้สัมภาษณ์ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะทำใจไม่ได้ที่เสียลูกน้องไปติดๆ กันถึง 2 คน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย พร้อมกับยกมือไหว้ท่วมหัวขอร้องใน 3 ส่วน คือ
ส่วนแรกอยากร้องขอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจชุดสืบสวน แยกกลุ่มตำรวจที่ไปร่วมงานในวันเกิดเหตุให้ชัดเจน ในกลุ่มแรกคือ กลุ่มของ พันตำรวจเอก วชิรา และพวก ที่เป็นผู้นำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่งโรงพยาบาล ในกลุ่มนี้น่าเห็นใจเพราะมีอาการเครียดกันทุกคนกลัวว่าจะเกิดศพที่ 3 ขึ้นอีก จึงอยากให้เห็นใจ กลุ่มที่สองคือตำรวจที่ไปให้ความช่วยเหลือกับผู้ต้องหานั้นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ปล่อยไว้ไม่ได้ และกลุ่มที่ 3 คือ ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่คิดจะทำอะไรเลย กลับหนีหัวซุกหัวซุน กลุ่มนี้ก็ต้องดำเนินการด้วยเช่นกัน
ส่วนที่ 2 คือ อยากร้องขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงอย่านำเสนอตามกระแสโซเชียลมากเกินไป นำเสนอไปในทางที่ถูก
และส่วนที่ 3 คือ อยากร้องขอประชาชน อย่าเพิ่งตั้งข้อสงสัยหากยังไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เพราะจะทำให้เกิดกระแสกดดัน ทำให้ตำรวจดี บางนายที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้รับผบกระทบเกิดความเครียด
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติยัง มีแนวคิดว่าจะสร้างรูปปั้นนายตำรวจทั้งสองให้อยู่ด้วยกัน และตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นมาช่วยเหลือบุตรของตำรวจเอก วชิรา และพันตำรวจตรี ศิวกร ส่วนการเยียวยาดูแลสภาพจิตใจตำรวจทางหลวงที่เหลือ ก็จะต้องให้กำลังใจให้สามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้