ผู้การฯนราธิวาส แถลงความคืบหน้า 4 คดีที่ในพื้นที่จ.นราธิวาส ยึดทรัพย์สินกว่า 17 ล้านบาท
1 min readผู้การฯนราฯแถลงความคืบหน้า 4 คดีที่ในพื้นที่จ.นราธิวาส ยึดทรัพย์สินกว่า 17 ล้านบาท ส่วนโกดังระเบิดที่มูโนะเร่งสอบปากคำแล้ว 800 ปาก ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องส่ง ปปช.ตรวจสอบ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 กันยายน 2566 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก ณรงค์ฤทธิ์ พูลทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นายสุวิทย์ นาคเป้า ป้องกันจังหวัดนราธิวาส แถลงข่าวความคืบหน้าคดีน่าสนใจที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 4 คดี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้
โดยคดีแรกเป็นคดีความมั่นคงเหตุคาร์บอมบ์โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค.66 เวลา 20.00 น. ได้รับแจ้งเหตุ เหตุระเบิด(คาร์บอมบ์) จุดตรวจอรกานต์ ทางเข้าหมู่บ้านการเคหะ ติดทางรถไฟก่อนถึงด่านตรวจบุญยลาภ ถ.เจริญเขต บายพาส ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ จึงได้ดำเนินการรักษาสถานที่เกิดเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนปากคำทั้งหมด 20 ปาก และรวบรวม พยานหลักฐาน นำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ 1.นายมันโซ ปูเต๊ะ ที่อยู่ 44/5 ม.3 ต.โต๊ะเต็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หมายจับที่ 786/2566 ลง 4 กันยายน 2566 2.นายไซฟูดิง แซ ที่อยู่41/1 ม.4 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หมายจับที่ 787/2566 ลง 4 กันยายน 2566 โดยแจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้าย สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ เพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้เป็นอั้งยี่ เป็นซ่องโจร ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำประกอบ มีและใช้วัตถุระเบิดนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกจำนวนหลายราย
สำหรับคดีที่ 2 เป็นการแถลงผลการปฎิบัติการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญตามนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังโดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยาและเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมสรรพกำลัง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดมา โดยสามารถ ดำเนินการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น จับกุม ทำลายโครงสร้างเครือข่ายกระบวนการ ผู้ค้ายาเสพติด จำนวน 3 คดี ประกอบด้วย
คดีที่ 1.ยึดยาเสพติด(ไอซ์)จำนวน 104 กก. บริเวณริมแม่น้ำบางนราจุดเทียบเรือ ธรรมชาติ ม.8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ค.66 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกลาดตระเวนทางเรือ ในแม่น้ำสุไหงโกลก ถึงบริเวณบ้านรายอ-ตะเหลี่ยง ม.8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 4 คน กำลังขนของจากรถยนต์ลงเรือ อยู่บริเวณริมตลิ่ง เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าตำรวจ จึงทิ้งเรือและรถยนต์วิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงได้ตรวจยึดเรือและรถยนต์คันดังกล่าวไว้ และได้แจ้งชุดสืบสวน สภ.ตากใบให้เดินทางเข้ามาตรวจสอบพบรถยนต์ Honda City สีเทา ทะเบียน กฉ 3299 พัทลุง จอดเสียหลักอยู่ใกล้เรือ บริเวณดังกล่าว ตรวจพบยาไอซ์อยู่บนเรือ นับจำนวน 102 ก้อน บรรจุมาในถุงชา และพบอีก 2 ก้อนในรถยนต์ คันดังกล่าว รวมเป็น 104 ก้อน ผู้ก่อเหตุทั้งหมดหลบหนีไป จึงได้ดำเนินการรักษาสถานที่ เกิดเหตุแจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบผู้ก่อเหตุทั้งหมด และได้ขอให้ศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ จำนวน 4 ราย พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาท
รวมทั้งยึดของกลางประกอบด้วย
1.ยาเสพติด(ไอซ์) จำนวน 104 ก้อน น้ำหนัก 104 กิโลกรัม
2.รถยนต์เก๋งยี่ห้อ Honda รุ่น City สีเทา หมายเลขทะเบียน กฉ3299พัทลุง
3.เรือหางยาว ชนิดไฟเบอร์ พร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ
4.ถุงพลาสติกสีน้ำเงินทึบแสง มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ “ NUMBER 1” ประทับไว้ด้านหนึ่ง ลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ห่อหุ้มยาไอซ์ที่ตรวจยึด
5.กระเป๋าใส่ลูกเปตอง จำนวน 2 ใบ ซึ่งกระเป๋าใบหนึ่งเขียนชื่อ “กุลพัฒน์ คงเพชรศรี”ด้วยปากกาเคมี พร้อมลูกเปตอง จำนวน 6 ลูก
6.กระดาษเขียนรายการราคาห้องพัก อาหารและอื่นๆของ โรงแรม NARAPARADISE BEACH ของวันที่ 5 ก.ค.2566 จำนวน 1 ใบ
พร้อมผู้ต้องหา จำนวน 9 ราย
คดีที่ 2.ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 58,000 เม็ด บริเวณโรงเรียนแสงธรรมอิสลามวิทยา ม.3 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยจับกุม เมื่อวันที่ 28 ก.ค.66 เวลาประมาณ 04.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีรถยนต์เก๋งต้องสงสัยลำเลียงยาเสพติด ผ่านเข้ามาในเขต พื้นที่เขตรับผิดชอบของ สภ.ปะลุกาสาเมาะ โดยจะขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีบรอนซ์เงิน (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงวางกำลังในพื้นที่พร้อมทั้งได้ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดอยู่บริเวณจุดตรวจหน้า สภ.ปะลุกาสาเมาะ จากนั้นเวลาประมาณ 04.40 น.ได้มีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลข ทะเบียน 9 กผ 4871 กรุงเทพมหานคร โดยได้ขับขี่ลงจากสะพานกอตอ ม.6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามอย่างต่อเนื่องและกระชั้นชิดผู้ขับขี่พยายามขับรถ หลบหนีมาด้วยความเร็วและได้เสียหลักเฉี่ยวชนกับประตูรั้วเหล็กหน้าโรงเรียนแสงอิสลามวิทยา จึงทําให้รถยนต์ได้เสียหลักไปชนกับต้นไม้ภายในโรงเรียนดังกล่าวเป็นเหตุให้รถยนต์เสียหายและ ได้สังเกตุเห็นลักษณะเป็นชาย 1 คนได้เปิดประตูรถด้านขวาฝั่งผู้ขับขี่และทิ้งรถยนต์ไว้แล้ววิ่ง หลบหนีไปทางหลังโรงเรียนดังกล่าวจึงทำการตรวจสอบรถยนต์ที่เสียหลักอยู่ จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบยาเสพติด(ยาบ้า)ใต้ที่นั่งผู้ขับขี่ จำนวนหลายห่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถยนต์ คันดังกล่าวมาตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งที่ สภ.ปะลูกาสาเมาะ พบยาบ้าทั้งหมด 58,000 เม็ด จึงได้ดำเนินการรักษาสถานที่เกิดเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบผู้ก่อเหตุทั้งหมด และได้ขอให้ศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ จำนวน 3 ราย พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ เป็นจํานวนเงินกว่า 4 ล้านบาท รวมทั้งยึดของกลาง
1.ยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 58,000 เม็ด
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 9 กผ 4871
- โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ VIVO สีน้ำเงิน พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย
คดีที่ 3.ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 30,000 เม็ด จุดตรวจหน้า สภ.ปะลุกาสามาะ (ฝั่งเทศบาลต้นไทรขาเข้านราธิวาส) ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยจับกุม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะลุกาสาเมาะ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ก สีเทา (ไม่ทราบหมายเลข ทะเบียน)ต้องสงสัยลำเลียงยาเสพติดมาในเขตพื้นที่เขตรับผิดชอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จากนั้นเวลาประมาณ 03.00 น.ได้มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีเทา หมายเลขทะเบียน บต 644 นราธิวาส ขับขี่มาถึงจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ สัญญาณโบกรถด้วยกระบองไฟสีแดงเพื่อให้รถหยุดและให้ลดกระจกข้างผู้ขับขี่ลง โดยมี นายมูฮ์มัด อารง (เป็นผู้ขับขี่), นายสุรเชษฐ์ รอเสะ(เป็นผู้โดยสาร), นายราเซ๊ะ มูหะมัด (เป็นผู้โดยสาร) (ทราบชื่อภายหลัง) เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจมีท่าทางพิรุธต้องสงสัย จากการซักถามให้การวกวน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ชิดขอบทางด้านซ้าย และขอทำการตรวจค้นตรงบริเวณที่ตรวจค้นมีแสงสว่างจากหลอดไฟข้างทางและไฟฉายของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน หรือยาบ้า) จำนวน 30,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในคอนโซลกลางครอบเกียร์ภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีเทา หมายเลขทะเบียน บต 644 นราธิวาส จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และนำตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปะลุกาสาเมาะ เพื่อดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมและขอให้ศาลจังหวัด นราธิวาสออกหมายจับ จำนวน 3 ราย พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้เป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท พร้อมของกลางประกอบด้วย
1.ยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 30,000 เม็ด
2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO รุ่น Y22 สีกรม เบอร์โทรศัพท์
3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO รุ่น V2043 สีฟ้า เบอร์โทรศัพท์
4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPHONE รุ่น 8 plus สีชมพู
5.รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น DMAX สีเทา หมายเลขทะเบียน บต 6440 นราธิวาส
พร้อมผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย
ทั้งนี้จากการสืบสวนและขยายผลเครือข่ายยาเสพติดของจังหวัดนราธิวาสจำนวนทั้ง 3 คดีนั้นรวมผู้ต้องหาทั้งหมด 21 คน จับกุมแล้วทั้งหมด 13 คน และอยู่ระหว่างหลบหนีจำนวน 8 คนและตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในส่วนคดีโกดังพลุระเบิดที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั้น
ด้านพล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส สำกรับความคืบหน้าคดีโกดังพลุระเบิดมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่าสำหรับความคืบหน้าคดีตอนนี้ก็ดำเนินดคีไปอยู่ระหว่างการส่งสำนวนผู้ต้องหาชุดแรก 2 สามีภรรยา แล้วก็ในส่วนของนายช่างในส่วนของผู้ที่ลำเลียงสิ่งของเค้ามาในพื้นที่ของนราธิวาส ดำเนินคดีหมด 6 ราย เพราะเป็นการปฏิบัติงานในรูปแบบคณะทำงาน เพื่อกระจายในเรื่องของฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกอ.รมน.ในพื้นที่ก็ดำเนินการไป ในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้ส่งให้ ปปช.ดำเนินการทั้งหมดตำรวจเราก็ส่งไป 3 ราย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ อบต.หรือหน่วยงานต่างๆก็ส่งให้ปปช.กระบวนการทั้งหมดทำตั้งแต่ก่อนนำปะทัดเข้ามาตั้งแต่ท่าเรือ ไล่มาทั้งหมด ภายใต้การทำงานของรองผบ.ตร.
สำหรับจ่าที่เกี่ยวข้องได้ส่งให้ปปช.เพราทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ต้องส่งให้ ปปช.เพื่อที่จะได้ชี้มูล ตอนนี้ได้มีการสอบปากคไปแล้ว 800 กว่าคน ซึ่งขระนี้ 2 สามีภรรยาเจ้าของโกดังได้ถูกคุมขัง ณ เรือนจำจังหวัดนราธิวาส สำหรัลผู้รับเหมาตอนนี้ได้มีการประกันออกไปแล้ว